ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 นั้นการใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ต้องออกไปยังสถานที่ ๆมีผู้คนแออัดเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะการใส่หน้ากากอนามัยนั้นจะสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อ Covid-19 ได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่อง หน้ากากอนามัยกับเด็ก ทุกครั้งจากการไม่ยอมใส่หน้ากากอนามัยในขณะที่ต้องออกจากบ้าน ซึ่งทำให้คนเป็นแม่เกิดความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก บทความแม่ และเด็กนี้จึงจะแนะนำวิธีการแก้ปัญหาลูกไม่ยอมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกจากบ้าน ต้องทำอย่างไรให้ลูกหันมาสนใจการใส่หน้ากากอนามัยมากขึ้น วิธีแก้ปัญหาการไม่ยอมสวมใส่หน้ากากอนามัยกับเด็ก หากคุณอยากที่จะแก้ปัญหาเรื่อง หน้ากากอนามัยกับเด็ก อันดับแรกต้องเริ่มจากตัวของคุณเองก่อน โดยการที่คุณต้องใส่หน้ากากอนามัยก่อนที่จะให้ลูกคุณใส่ทุกครั้ง เพื่อเป็นแบบอย่าง และเพื่อให้ลูกไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง การเลือกลวดลายของหน้ากากอนามัยก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยแก้ปัญหาหน้ากากอนามัยกับเด็ก ได้โดยคุณอาจเลือกลวดลายของหน้ากากอนามัยเป็นลายการ์ตูนหรือลายที่ลูกของคุณนั้นชื่นชอบ วิธีการนี้จะทำให้ลูกของคุณสนใจการใส่หน้ากากอนามัยเพิ่มมากขึ้น อธิบายถึงความน่ากลัวของโรค Covid-19 ให้ลูกของคุณได้รับรู้ วิธีการนี้จะสามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่อง หน้ากากอนามัยกับเด็กได้อย่างตรงประเด็นมากที่สุด เมื่อลูกมีความเข้าใจถึงความน่ากลัวของโรค Covid-19 แล้วนั้นก็จะทำให้ลูกหันมาสนใจการใส่หน้ากากอนามัยมากขึ้น ชี้ให้ลูกเห็นว่าคนทั่วไปก็มีการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อความปลอดภัยของตนเอง เพื่อให้ลูกไม่รู้สึกเคอะเขินในขณะที่ใส่หน้ากากอนามัย และไม่รู้สึกถึงความแตกต่างจากบุคคลอื่น เมื่อลูกเห็นผู้คนรอบข้างใส่หน้ากากอนามัยก็จะทำให้ลูกมีความมั่นใจในการใส่หน้ากากอนามัยเพิ่มมากขึ้น เพราะสาเหตุของปัญหาเรื่อง หน้ากากอนามัยกับเด็ก นั้นส่วนใหญ่มาจากความไม่มั่นใจ และความกลัวที่จะรู้สึกแตกต่างจากผู้อื่น เมื่ออยู่ในสถานที่ ๆมีผู้คนไม่แออัดมากนัก แม่ก็ควรที่จะมีการถอดหน้ากากอนามัยของลูกออกบ้าง เพื่อให้ลูกได้หายใจได้สะดวกมากขึ้น ทั้งนี้การถอดหน้ากากอนามัยให้ลูกเป็นระยะจะทำให้ลูกรู้สึกถึงการผ่อนคลายในการใส่หน้ากากอนามัย จะช่วยทำให้ลูกไม่รู้สึกแย่ทุกครั้งที่ต้องมีการใส่หน้ากากอนามัย วิธีการนี้จะเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาเรื่อง หน้ากากอนามัยกับเด็ก ได้เป็นอย่างดี ติดตามบทความ แม่และเด็ก เคล็ดลับการเลี้ยงลูก สำหรับคุณแม่มือใหม่ได้ที่นี้
Month: June 2020
สมาร์ทโฟนกับเด็ก ในยุคปัจจุบัน คุณแม่ควรรับมืออย่างไร
เชื่อว่าทุกๆคนคงจะเห็นภาพชินตาของการใช้โทรศัพท์มือถือที่เป็น สมาร์ทโฟนกับเด็ก มากยิ่งขึ้นและด้วยเด็กเล็กๆที่อายุยังน้อยๆก็มีความสามารถในการใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนกันแล้ว นับได้ว่าเป็นเรื่องที่คุณแม่ต้องมีความกังวลอย่างแน่นอน เพราะด้วยอันตรายที่จะเกิดกับลูกๆในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดวงตาหรือสมองของเด็ก ฉะนั้น เราจะมากล่าวถึงวิธีที่คุณแม่จะรับมืออย่างไรกับความก้าวหน้าของสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน วิธีที่รับมือสมาร์ทโฟนกับเด็กในยุคปัจจุบัน วิธีที่ 1 คุณแม่จะต้องกำหนดเวลาในการเล่น สมาร์ทโฟนกับเด็ก อย่างเช่นกำหนดในการเล่นเพียงแค่ 10 นาที เป็นต้น เพราะการกำหนดเวลาจะทำให้เด็กๆรู้สึกว่ามีขีดจำกัดในการเล่นและเป็นการฝึกวินัยให้กับเด็กๆด้วย พร้อมปกป้องสุขภาพของลูกๆไปด้วย วิธีที่ 2 คุณแม่จะต้องเก็บโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนกับเด็ก ให้ห่างกันเพราะหากพ้นสายตาคุณแม่แล้วเด็กๆอาจจะนำโทรศัพท์มือถือไปเล่นได้โดยที่คุณแม่ไม่รู้ ซึ่งคุณแม่จะต้องเก็บให้มิดชิดหรือเก็บไว้ในที่ที่คุณแม่สังเกตเห็นได้ชัด อีกทั้งเป็นการป้องกันอันตรายจากสมาร์ทโฟนอีกด้วย อย่างเช่น การปกป้องลูกๆจากการชาร์จแบตเตอรี่ เพราะเป็นการใช้งานที่ไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายแก่เด็กๆได้ วิธีที่ 3 คุณแม่จะต้องคอยชี้แนะหรือแนะนำลูกๆในการเล่นสมาร์ทโฟน เพราะหากคุณแม่ปล่อยให้ลูกๆเล่นตามอำเภอใจ การเล่นโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนกับเด็กอาจจะไม่ถูกทางและถูกต้องได้ ฉะนั้น การแนะนำของคุณแม่เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ความก้าวหน้าของสมาร์ทโฟนในปัจจุบันนั้นเป็นความก้าวหน้าที่รวดเร็วเป็นอย่างมาก ดังนั้น การรับมือกับสมาร์ทโฟนของคุณแม่ในยุคปัจจุบันจึงต้องหาวิธีการที่คุณแม่จะสามารถรับมือกับสิ่งพวกนี้ได้เป็นอย่างดีพร้อมๆไปกับการปกป้องลูกน้อยไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเทคโนโลยีที่มีความคืบคลานทำลายลูกน้อยในทุกๆวัน ซึ่งสามวิธีข้างต้นนับว่าเป็นวิธีที่ง่ายมากๆที่คุณแม่สามารถทำได้ ติดตามบทความ แม่และเด็ก การเลี้ยงลูก พัฒนาการเด็ก สุขภาพ การดูแลบุตร เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเด็ก
3 เทคนิค การแก้ปัญหา ท้องลายหลังคลอด ของคุณแม่
ว่าด้วยเรื่องของปัญหาการท้องลายของคุณแม่หลักจากการคลอดลูก ซึ่งสร้างความกังวลใจให้กับคุณแม่เป็นยิ่งนัก ซึ่งในส่วนของการรับมือก็มีมากมายหลายขั้นตอน วันนี้แอดอยากที่จะมาแนะนำ 3 เทคนิคการแก้ปัญหา ท้องลายหลังคลอด ของคุณแม่ ให้กลับมาเนียนใสเหมือนเดิม รับรองว่าหน้าท้องที่แตกลายจะไม่มาเป็นปัญหากวนใจสำหรับคุณแม่อีกต่อไป เทคนิคการแก้ปัญหาท้องลายหลังคลอดของคุณแม่ เทคนิคการแก้ปัญหา ท้องลายหลังคลอด ของคุณแม่ เทคนิคแรกที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ ทานวิตามินเสริมประเภทคอลลาเจน ในคอลลาเจนสามารถเรื่องของความแตกลายที่บริเวณหน้าท้องได้ เพราะมีคุณสมบัติช่วยในเรื่องของการซ่อมแซ่มในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และในส่วนครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของวิตามินอี ก็เป็นอีกอย่างที่จะมาช่วยให้รอยแตกลายที่บริเวณหน้าท้องของคุณแม่จางลงได้ อาจจะใช้เวลาสักหน่อยแต่รับรองว่าไม่นานเกินรอแน่นอน เทคนิคการแก้ปัญหา ท้องลายหลังคลอด ของคุณแม่ เทคนิคที่สองที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ การอาบน้ำไม่ควรอาบน้ำอุ่น เนื่องจากในน้ำอุ่นจะส่งผลให้ผิวมีความแห้งและแตกได้ ส่งผลให้ผมมีความขาดความชุ่มชื่น ซึ่งเมื่อคุณแม่ที่คลอดใหม่ ๆ อาบน้ำอุ่นเป็นประจำจะทำให้รอยแตกบริเณหน้าท้องอาจจะมีรอยมากกว่าเดิม เป็นสิ่งที่ถ้าอยู่ในช่วงบำรุงผิวที่มีความแตกลายหรือท้องลายไม่ควรที่จะอาบน้ำอุ่นเป็นอย่างยิ่ง เทคนิคการแก้ปัญหา ท้องลายหลังคลอด ของคุณแม่ เทคนิคที่สามที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ ดื่มน้ำมาก ๆ ควรที่จะรับประทานน้ำในบริมาณที่มาก ๆ ต่อวัน เพราะน้ำก็มีส่วนช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวพรรณ แต่เพิ่มความชุ่มชื่นได้ แน่นอนว่าจะช่วยลดในเรื่องของท้องลายของคุณแม่ได้มากเช่นกัน ทั้งหมดก็เป็นเทคนิควิธีของการแก้ปัญหา ท้องลายหลังคลอด ของคุณแม่ รับรองว่าลองนำวิธีที่แอดแนะนำไปใช้ ผิวบริเวณหน้าท้องที่ลายจะเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย […]
การดูแลลูกวัย 7-9 เดือน ให้เหมาะกับวัยและถูกหลักสำหรับคุณแม่มือใหม่
เมื่อเลี้ยงลูกไปได้สักระยะหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่หลายๆ ท่าน จะเริ่มสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของลูกในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะเด็กในวัย 7-9 เดือนจะเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่มากขึ้น มีการโต้ตอบ มีการส่งเสียงเพื่อพยามยามจะพูดคุยกับเรามากขึ้น ในวันนี้เราจึงขอนำเสนอวิธี การดูแลลูกวัย 7-9 เดือน ให้เหมาะกับวัยและถูกหลัก เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับลูกรักได้รู้สึกผ่อนคลาย และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในแต่ละวัน วิธีการดูแลลูกวัย 7-9 เดือน เบื้องต้น การดูแลลูกวัย 7-9 เดือน–เรื่องการอาบน้ำทำความสะอาด การอาบน้ำทำความสะอาด เด็กในวัยนี้สามารถอาบน้ำได้ 2 – 3 ครั้ง/วัน แล้วแต่สภาพอากาศ การสระผมให้สระแค่วันละครั้ง หรือวันเว้นวัน โดยสบู่และแชมพูที่ใช้ต้องสำหรับเด็กเท่านั้น ห้ามใช้ของผู้ใหญ่ เพราะผิวของเด็กจะบอบบาง และแพ้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ เราสามารถให้น้องแช่น้ำได้นานขึ้นกว่าตอนแรกเกิด แต่คุณพ่อคุณแม่จะต้องระมัดระวัง ห้ามปล่อยให้น้องอยู่ตามลำพังเพราะอาจจะทำให้น้องลื่นลงไปในน้ำและจมน้ำได้ ซึ่งค่อนข้างอันตราย ควรใส่น้ำในอ่างอาบน้ำไม่เกินหัวไหล่ของเด็ก และอาจจะมีของเล่นระหว่างอาบน้ำได้ ของเล่นที่ใช้อาจจะเป็นของเล่นที่ลอยน้ำได้ เพื่อให้เด็กๆ รู้สึกสนุกในการอาบน้ำมากขึ้น ระยะเวลาในการอาบน้ำไม่ควรเกิน 30 นาที เพราะจะทำให้ผิวน้องเหี่ยวได้ การดูแลลูกวัย 7-9 เดือน–เรื่องน้ำหนัก ความสูง […]
การส่งเสริม พัฒนาการเด็กวัย 7-9 เดือน ให้เติบโตสมวัย มีอะไรบ้าง
ในเด็กที่มีอายุในช่วง 7 – 9 เดือนจะเริ่มมีพัฒนาการที่เพิ่มมากขึ้น เด็กบางคนจะเริ่มมีการตอบสนองกับคุณพ่อคุณแม่ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการโต้ตอบ การสื่อสาร การเคลื่อนไหวทางร่างกายต่างๆ แต่ในเด็กบางคนก็อาจจะมีพัฒนาการที่ล่าช้ากว่าเด็กคนอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายๆ ท่านมีความกังวลเกิดขึ้นได้ หากลูกรักมีพัฒนาการที่ล่าช้า ดังนั้นในวันนี้แอดมินจะมานำเสนอในส่วนของการส่งเสริม พัฒนาการเด็กวัย 7-9 เดือน ให้มีพัฒนาการที่ดีสมวัย การส่งเสริมพัฒนาการเด็กวัย 7-9 เดือน การส่งเสริม พัฒนาการเด็กวัย 7-9 เดือน ด้านการเคลื่อนไหว จับให้เด็กนั่ง แล้วใช้ของเล่นที่มีเสียงวางไว้ข้างหลังเยื้องไปด้านข้างเล็กน้อย จากนั้นเขย่าของเล่นให้เกิดเสียง เด็กจะเริ่มสนใจเสียงดังที่เกิดขึ้นและหันไปหยิบของเล่นตามเสียงที่ได้ยิน ทำสลับกันไปมาทั้งสองด้าน แต่ในเด็กบางคนอาจจะยังเอี้ยวตัวมาหยิบเองไม่ได้ ให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยจับแขนเด็กและเอี้ยวตัวไปจับของเล่น การส่งเสริม พัฒนาการเด็กวัย 7-9 เดือน ด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กและสติปัญญา จะใช้หนังสือนิทาน 1 เล่ม เพื่อให้น้องได้มองภาพในหนังสือนิทาน จับให้เด็กนั่งแล้วเปิดหนังสือ ชี้ไปที่รูปภาพเพื่อให้เด็กมองตามภาพในหนังสือ หากน้องยังไม่มองตามหนังสือ ให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยจับประคองหน้าเด็กให้หันไปมองรูปภาพในหนังสือ การส่งเสริม พัฒนาการเด็กวัย 7-9 เดือน ด้านการเข้าใจภาษา เป็นการฝึกให้เด็กฟังเสียงการเรียกชื่อ โดยให้คุณพ่อคุณแม่เรียกชื่อน้องด้วยโทนเสียงที่ปกติ เว้นระยะห่างประมาณ 120 เซนติเมตร […]
การนอนของทารก ในแต่ละช่วงวัยสิ่งสำคัญที่คุณแม่มือใหม่ต้องรู้
สำหรับคุณแม่มือใหม่หลาย ๆ ท่าน ทราบกันไหมว่าเวลานอนของทารกน้อยนั้นมีความสำคัญมากน้อยเพียงใด ซึ่งแท้จริงแล้วการนอนของทารกน้อยนั้นมีความสำคัญอย่างมากต่อพัฒนาการของเด็กทารก เนื่องจาก การนอนของทารก นั้นจะช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยในเรื่องของการเรียนรู้ และการจดจำ ส่วนที่สำคัญที่สุดนั่นคือการช่วยให้ทารกนั้นโตขึ้นอย่างมีสุขภาพที่ดี ซึ่งแท้จริงแล้วเด็กในแต่ล่ะช่วงวัยนั้นจะมีเวลาการนอนหลับที่แตกต่างกัน ส่วนสำหรับทารกน้อยนั้นจะมีช่วงการนอนหลับ และมีเวลานอนดังนี้ การนอนของทารกในแต่ละช่วงวัย ทารกน้อย หรือทารกแรกเกิด : โดยปกติแล้ว การนอนของทารก ทั่วไปจะนอนทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ทารกนั้นต้องนอนให้เพียงพอต่อวัน สำหรับทารกแรกเกิดนั้น จะมีการหลับอยู่ 2 แบบ คือหลับแบบพักผ่อน และการหลับอย่างแท้จริง ซึ่งการหลับอย่างแท้จริงของทารกแรกเกิดนั้น จะมีอาการดูดปาก หรือกระตุกบางในบางครั้ง แต่สำหรับการหลับแบบพักผ่อนนั้นจะใช้เวลาเพียง 30-50 นาที ทารกน้อยจะตื่นขึ้น เพื่อให้พ่อหรือแม่นั้นทำการกล่อมให้นอนใหม่อีกครั้งนั้นเอง ทารกช่วง 3-6 เดือน : สำหรับ การนอนของทารก ในช่วงนี้นั้นจะมีเวลาการนอนอย่างต่อเนื่องได้นานขึ้น ซึ่งทารกอาจจะมีการตื่นขึ้นในช่วงการนอนกลางวันได้น้อยลง และการนอนในช่วงการกลางคืนนั้น อาจจะมีการตื่นขึ้นอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงกลางดึกนั้นเอง ทารกช่วง 6-12 เดือน : เด็กทารกที่เข้าสู่ช่วงวัย 6-12 เดือนนั้นจะมีพัฒนาการทางการนอนหลับได้ดีขึ้น […]
วิธีรับมืออารมณ์คนท้อง ที่แปรปรวนง่าย สำหรับคุณพ่อทุกท่าน
เมื่อพูดถึงผู้หญิงท้องอารมณ์ที่มีความแปรปรวนเป็นเรื่องปกติ ที่คุณพ่อควรจะเข้าใจและไม่หงุดหงิดใส่เนื่องจากอาการของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่ใช่แค่ หงุดหงิดอย่างเดียวแต่จะอ่อนไหวง่ายมากด้วย เรียกได้ว่าในช่วงที่ผู้หญิงท้องเธอต้องการความรัก การดูแลเอาใจใส่มาก คุณพ่อก็ควรที่จะอารมณ์เย็นและว่าไปด้วยในเรื่องของเหตุในการคุยกัน แต่บางเรื่องถ้ายอมได้ก็ยอมไปก่อน จะได้ไม่เกิดการปะทะกันมากเกินไป วันนี้แอดอยากจะมาแนะนำแนะนำ วิธีรับมืออารมณ์คนท้อง ที่แปรปรวนง่าย ที่เราสามารถรับมือได้ ยิ่งท้องตอนยุค โควิด 19 อารมณ์จะมีความแปรปรวนมากเนื่องจากทั้งออกไปนอกบ้านไม่ได้ ความเครียดสะสม บอกเลยว่าคุณสามีตามใจเธอหน่อยเถอะ วิธีรับมืออารมณ์คนท้องสำหรับคุณพ่อทุกท่าน วิธีรับมืออารมณ์คนท้อง วิธีที่ 1 การดูแลเอาใจใส่ที่ไม่ขาดตกบกพร่อง เป็นช่วงที่ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ต้องการกำลังใจมากที่สุด และจะมีอารมณ์แปรปรวนมากที่สุด คุณสามีควรที่จะตามใจในสิ่งที่ถ้าเธอขอแล้วเราสามารถทำให้ได้ ก็ควรที่จะทำเลยในตอนนั้น ไม่ปล่อยให้เกิดการปะทะก่อนถึงจะทำ วิธีรับมืออารมณ์คนท้อง วิธีที่ 2 หาข้อมูลเกี่ยวกับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ เรียกง่าย ๆ ว่าหาข้อมูลในการรับมือของการเป็นสนามอารมณ์ ทั้งคุณแม่และคุณลูกนั้นเอง วิธีรับมืออารมณ์คนท้อง วิธีที่ 3 ชวนทำกิจกรรมสานความสัมพันธ์กันสักหน่อย อย่างเช่น กิจกรรมโยคะที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรไปทำ และต้องมีคุณสามีช่วยเหลือในตอนทำกิจกรรม ถามเธอเลยว่าอยากรึเปล่า ถ้าโอเคคุณสามีก็สมัครและจัดการให้เสร็จเรียบร้อย ถือเป็นการแสดงความเอาใจใส่อีกอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ วิธีรับมืออารมณ์คนท้อง วิธีที่ 4 หาอาหารที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรทานมาบำรุงเธอหน่อย และดูแลในเรื่องของการนอนหลับพักผ่อนของเธอให้เพียงพอ อย่าลืมในเรื่องของตั้งห้ามที่ผู้หญิงตั้งครรภืไม่ควรทานด้วยนะ เช่น กาแฟ ของมัน […]
เทคนิคการ แต่งหน้าให้ลูกออกงาน ด้วยวิธีการง่าย ๆ
เมื่อถึงเวลาที่ลูกต้องออกงานต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นการออกงานที่โรงเรียนหรือสถานที่อื่น ๆที่ต้องมีการแต่งหน้าให้ลูกสักเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับงานนั้น ๆ ซึ่งทำให้คุณแม่มีความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะอยากจะแต่งหน้าออกงานให้ลูกนั้นออกมาดูดีมากที่สุด บทความแม่ และเด็กนี้จึงจะแนะนำเทคนิคการ แต่งหน้าให้ลูกออกงาน ด้วยวิธีการง่าย ๆ เทคนิคการแต่งหน้าให้ลูกออกงานมีอะไรบ้าง เทคนิคการ แต่งหน้าให้ลูกออกงาน อันดับแรกนั้น คุณแม่ควรจะดูว่าการออกงานนั้น ๆเป็นกิจกรรมเกี่ยวกับอะไร เน้นไปทางโทนสีอะไร เช่น วันคริสต์มาส คุณแม่ก็ควรแต่งหน้าให้ลูกไปในโทนสีเขียว สีแดง สีน้ำตาล เป็นต้น ทั้งนี้เทคนิคแต่งหน้าออกงานให้ลูกนั้นต้องคำนึงถึงชุดที่ลูกใส่ด้วย โทนสีที่ใช้ในการแต่งหน้าควรที่จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับชุดที่ลูกสวมใส่เพื่อให้ลูกออกมาดูดีมากที่สุด การเลือกเครื่องสำอางที่มีคุณภาพในการแต่งหน้าก็เป็นเทคนิคการ แต่งหน้าให้ลูกออกงาน ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะหากลูกเกิดอาการแพ้เครื่องสำอางในวันที่ต้องออกงานนั้น ๆจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีอย่างแน่นอน คุณแม่จึงควรที่จะเลือกเครื่องสำอางที่มีคุณภาพเท่านั้น และสามารถใช้กับผิวที่บอบบางของเด็กได้ โดยก่อนวันออกงานคุณแม่ควรที่จะทดลองแต่งหน้าให้ลูกด้วยเครื่องก่อน ว่ามีอาการแพ้หรือไม่ เลือกสถานที่แต่งหน้าที่มีความสว่างชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญในการ แต่งหน้าให้ลูกออกงาน ด้วยผิวที่มีความบอบบางของเด็กนั้นหากคุณแม่แต่งหน้าให้ลูกในสถานที่ ๆมีแสงสว่างไม่เพียงพอหรือมีแสงไฟเป็นสีส้ม ในการลงรองพื้นให้ลูก อาจทำให้สีผิวที่ได้นั้นออกมาดูแย่ คุณแม่จึงควรที่จะแต่งหน้าให้ลูกในสถานที่ ๆมีแสงสว่างอย่างเพียงพอเพื่อทดสอบสีของรองพื้นว่าสีใดที่เหมาะสมกับสีผิวของลูกมากที่สุด จะทำให้การแต่งหน้าออกงานให้ลูกนั้นออกมาดูดีได้ตามที่ต้องการ การจะแต่งหน้าออกงานให้ลูกออกมาดูดีมากที่สุด มีเทคนิคง่าย ๆที่คุณแม่ควรรู้ โดยการเลือกจุดที่สวยที่สุดบนใบหน้าของลูก เช่น หากลูกของคุณมีดวงตาที่โตสวยงาม ให้คุณแม่เน้นการแต่งหน้าให้ลูกที่บริเวณดวงตาเป็นพิเศษ […]
สอนลูกให้เอาตัวรอด อย่างไรดี เพื่อการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในสังคม
ในปัจจุบันการสอนลูกให้เอาตัวรอดในสังคมนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ยิ่งหากคุณแม่ที่มีลูกเป็นเด็กผู้หญิงแล้วด้วยนั้นก็ยิ่งมีความอันตรายเป็นอย่างมากในการใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบัน คุณแม่จึงควรที่จะมีวิธีในการสอนให้ลูกรู้จักการเอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่าง ๆเพื่อความปลอดภัยของลูก บทความแม่ และเด็กนี้จึงจะมาแนะนำวิธีการ สอนลูกให้เอาตัวรอด เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมให้กับคุณแม่ แนะนำการสอนลูกให้เอาตัวรอดในสังคม เมื่อคุณแม่พาลูกออกไปนอกบ้านไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดก็ตาม การพลัดหลงกันเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา คุณแม่จึงควรที่จะสอนให้ สอนลูกให้เอาตัวรอดในสถานการณ์นี้ โดยการสอนให้ลูกขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ที่มากับเด็กเหมือนกันหากกำลังพลัดหลงกับแม่ เพราะเด็กไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าผู้ใหญ่คนไหนมีจุดประสงค์ที่ดีหรือไม่ดี การเข้าหาผู้ใหญ่ที่มากับเด็กจึงมีความปลอดภัยมากกว่า หากลูกของคุณเป็นผู้หญิง คนเป็นแม่ก็ควรที่จะสอนให้ลูกรู้จักกับร่างกายของตนเอง โดยเป็นการสอนเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษาเบื้องต้น เพื่อให้ลูกรู้ว่าส่วนใดของร่างกายห้ามไม่ให้ผู้อื่นแตะต้อง และหากมีผู้อื่นมาแตะต้อง ลูกจะได้บอกได้อย่างชัดเจน ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากหากคุณมีลูกเป็นผู้หญิง และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการสอนให้ สอนลูกให้เอาตัวรอดโดยการให้ลูกทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษา คุณแม่ควร สอนลูกให้เอาตัวรอดโดยการสร้างคำศัพท์ที่มีความหมายเฉพาะของคุณแม่กับลูกขึ้นมาเพื่อให้ลูกสามารถที่จะบอกถึงสถานการณ์ที่ไม่ดีให้กับแม่ได้รับรู้ โดยที่บุคคลที่สามไม่สามารถที่จะรู้ได้ วิธีการนี้หากลูกของคุณตกอยู่ในอันตราย จะสามารถทำให้คุณรู้ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถที่จะจัดการสิ่งต่าง ๆได้อย่างทันท่วงที สอนให้สอนลูกให้เอาตัวรอดโดยการสอนให้รู้ถึงความรุนแรง ในที่นี้หมายถึงการสอนให้ลูกรู้เมื่อมีบุคคลอื่นมาใช้ความรุนแรงในลักษณะนี้จะหมายถึงว่า บุคคลนั้นเป็นบุคคลอันตรายที่อาจจะทำร้ายเราได้ เพื่อให้สอนลูกให้เอาตัวรอดในสถานการณ์ที่มีบุคคลอื่นเข้ามาใช้ความรุนแรง คุณควรสอนให้ลูกส่งเสียงกรีดร้องทันทีเมื่อมีสถานการณ์นี้เกิดขึ้น ติดตามบทความ การดูแลบุตร เคล็ดลับการเลี้ยงลูก พัฒนาการเด็ก สำหรับคุณแม่มือใหม่ได้ที่นี้
วิธีแปรงฟันให้ลูก ที่ถูกต้องตั้งแต่ซี่แรกสำคัญอย่างไร
การแปรงฟันให้เด็กเล็ก ๆ คุณแม่หลายคนอาจท้อและรู้สึกว่ามันค่อนข้างยากลำบากมากเพราะเด็กแต่ละคนมักต่อต้านด้วยการร้องไห้ ยิ่งเด็กบางคนนี่ร้องแบบใจจะขาดเลยทีเดียว แต่ว่าถ้าเรายอมไม่แปรงฟันให้ลูกหรือเริ่มที่จะการดูแลฟันน้ำนมให้สุขภาพดี ก็อาจจะทำให้ต่อไปฟันน้ำนมของลูกก็จะผุจนอาจต้องถอนออกก่อนเวลาที่ฟันแท้ขึ้นมาได้ วันนี้เราจะ มาพูดถึงเรื่อง วิธีแปรงฟันให้ลูก ที่ถูกต้องว่ามันจำเป็นแค่ไหน จริงๆแล้วเราจำเป็นที่จะต้องดูแลฟันของลูกตั้งแต่ฟันขึ้นซี่แรกให้ถูกต้องเลย ซึ่งปัญหาก็คือเด็กหลายคนต่อต้านอะไรที่ต้องยัดเข้าปากเขา เพราะฉะนั้นการดูแลตั้งแต่แรกเกิด การสร้างความเคยชินเป็นประจำเมื่อลูกมีฟันขึ้นซี่แรกจึงต้องหัดแปรงฟันให้ลูกเพื่อจะไม่ต้องมานอนปวดฟันเมื่อฟันผุและลูกจะได้มีฟันแท้ที่เรียงตัวสวย วิธีแปรงฟันให้ลูกที่ถูกต้องสิ่งที่คุณแม่ต้องทำ วิธีแปรงฟันให้ลูก มีอะไรบ้าง ก็จะมีแปรงสีฟันกับยาสีฟันแค่นั้นซึ่งควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับช่วงอายุของลูกจะดีกว่า เพราะถ้าให้เด็กเล็ก ๆ ใช้แปรงฟันของผู้ใหญ่ขนาดปากลูกยังไม่กว้างพออีกอย่างขนแปรงก็แข็งไปสำหรับปากและฟัน ฉะนั้นให้เลือกแปรงตามช่วงวัยและมีลักษณะแปรงที่นุ่มและมีฉากกลมๆกันไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เราเอาแปลงนี้เข้าไปในปากลึกมากเกินไปจนทำให้มีอาการอยากจะอ้วกหรือเป็นอันตรายได้ ด้ามแปรงสีฟันถ้าเป็นแบบที่มีสีสันสดใสก็จะดูสนุกสนานแล้วก็ดูเป็นมิตรมากขึ้น ส่วนการเลือกยาสีฟันก็ค่อนข้างจำเป็นมากที่แม่หลายคนยังติด วิธีแปรงฟันให้ลูก ด้วยน้ำเปล่าอยู่เหมือนตอนที่ยังไม่มีฟัน ซึ่งในเด็กอายุ 6 เดือนให้เริ่มใช้ยาสีฟันสำหรับเด็กได้แล้วแต่ต้องให้ในปริมาณที่ไม่มาก หลังแปลงเสร็จใช้น้ำต้มสุกหรือว่าผ้าอ้อมเช็ดปากให้สะอาด คราวนี้มาดูเรื่องปริมาณที่จะใส่แปรงฟันกับการมากน้อยแค่ไหนดีสำหรับลูกอายุ 6 เดือน ซึ่งฟันขึ้นซี่แรกนี่ก็เล็กนิดเดียวจึงใส่ปริมาณยาสีฟันไปที่แปรงสีฟันนิดเดียวแค่นั้นพอ และคุณแม่ควรช่วยลูกแปรงฟันตั้งแต่อายุ 6 เดือนจนถึง 6 ขวบ เพราะเด็กจะสามารถแปรงฟันเองได้จริง ๆ เมื่ออายุประมาณ 7 ขวบขึ้นไปซึ่งสามารถดูแลตัวเองได้ในระดับนึงแล้ว วิธีแปรงฟันให้ลูก ให้จับลูกนอนหงายบนพื้นที่ปูด้วยผ้านุ่ม ๆ แล้วเพื่อป้องกันไม่ให้หันหน้าหนีไปมาให้เอาขาทั้งสองข้างเหยียดไปด้านตรงข้ามกับลูกในลักษณะที่ขาสองข้างอยู่ด้านบนแขนทั้งสองข้างของลูกและใบหน้าของลูกอยู่ระหว่างขาของแม่ล็อคไว้เบาๆ จะทำให้เราเห็นมุมปากของลูกเวลาแปรงฟันได้ถนัดขึ้น การทำแบบนี้ในครั้งแรกเด็กทุกคนจะต่อต้าน เพราะว่ามันจะดูน่ากลัว แต่ว่ามันเป็นวิธีที่คุณหมอแนะนำแล้วก็บอกว่ามันจะทำให้เด็กไม่หันซ้ายหันขวาซึ่งอาจทำให้แปรงสีฟันอาจไปเข้าไปที่กระพุ้งแก้มหรือเหงือก แล้วเมื่อลูกเจ็บจะยิ่งไม่ชอบกับการแปรงฟัน หากคุณแม่อยากให้ลูกมีฟันสวยสุขภาพดี […]