เรื่องของอาการท้องแตกรายที่บอกเลยว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและน่ากังวลใจของคุณแม่หลังคลอดมาก ๆ กว่าที่จะดูแลรักษาให้หายและมีอาการที่ดีขึ้นนั้นค่อนข้างยาก วันนี้แอดอยากที่จะมาแนะนำ 3 อาหารช่วยลดรอยท้องแตก หลังการตั้งครรภ์ ของคุณแม่ แนะนำอาหารช่วยลดรอยท้องแตกลาย อาหารช่วยลดรอยท้องแตก หลังการตั้งครรภ์ ของคุณแม่ ที่บอกเลยว่าได้ผล อาหารชนิดแรกที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ มันฝรั่งหวาน ก็ถือเป็นอีกอาหารที่ลดอาการท้องแตกลายต่าง ๆ เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินเอ ช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูเซลล์ผิว และสามารถช่วยลดอาการท้องแตกลายได้ดีมาก ๆ อีกด้วย อาหารช่วยลดรอยท้องแตก หลังการตั้งครรภ์ ของคุณแม่ ที่บอกเลยว่าได้ผล อาหารชนิดที่สองที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ ปลาซาร์ดีน เป็นปลาอีกชนิดที่สามารถช่วยลดในเรื่องของท้องแตกลายได้ดีมาก ๆ เนื่องจากมีกรดไขมัน โอเมก้า ที่ช่วยให้ผิวนั้นมีความชุ่มชื่น และเรียบเนียนลดอาการท้องแตกลายได้ดีมาก ๆ อาหารช่วยลดรอยท้องแตก หลังการตั้งครรภ์ ของคุณแม่ ที่บอกเลยว่าได้ผล อาหารชนิดที่สามที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ แตงกวา ที่บอกเลยว่าสามารถช่วยลดในเรื่องของอาการท้องแตกลายได้ดีมาก ๆ และสามารถเสริมสร้างให้เรานั้นมีผิวพรรณที่ดี ชุ่มชื่น มาก ๆ ทั้งหมดก็เป็นอาหารที่สามารถช่วยในเรื่องของอาการท้องแตกลายที่เกิดขึ้นในคุณแม่ตั้งครรภ์ บอกเลยว่าเรื่องของผิวพรรณและความสวยงามก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญกับคุณแม่มาก ๆ […]
Month: October 2020
เทคนิคแก้นิสัยลูกเอาแต่ใจ บอกเลยว่าได้ผล พ่อแม่แต่ละบ้านลองเอาไปปรับใช้กันดู
การเลี้ยงลูกต้องบอกเลยว่าลุกแต่ละคน แต่ละบ้านก็จะมีนิสัยที่แตกต่างกันไป ตามในแบบฉบับที่พ่อแม่ได้ทำการปลูกฝังกันมาตั้งแต่เล็ก ๆ วันนี้แอดอยากที่จะมา แนะนำ เทคนิคแก้นิสัยลูกเอาแต่ใจ บอกเลยว่าได้ผลลองเอาไปปรับใช้ในแบบของแต่ละบ้านกันดู เป็นอีกนิสัยของลูกที่พ่อแม่หลาย ๆ คนหนักใจและกังวัล แนะนำเทคนิคแก้นิสัยลูกเอาแต่ใจ เทคนิคแก้นิสัยลูกเอาแต่ใจ บอกเลยว่าได้ผล เทคนิคแรกที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ การแสดงความรักกับลูกบ่อย ๆ ให้ลูกไม่ได้รู้สึกขาดความรัก เรื่องของการเอาใจใส่ของพ่อแม่เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ๆ ยิ่งการที่เราโอบกอดลูก เพื่อให้ความอบอุ่น ยิ่งขะช่วยลดในเรื่องของการเอาแต่ใจลงได้ และพยายามพูดและทำความเข้าใจซึ่งกันและกันตลอด เทคนิคแก้นิสัยลูกเอาแต่ใจ บอกเลยว่าได้ผล เทคนิคที่สองที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ อย่าบังคับในสิ่งที่ไม่อยากทำ แต่ให้มีเหตุและผล เราไม่ควรทำเหมือนกับว่ากำลังออกคำสั่งกับลูกอยู่แต่ควรที่จะพุดคุย ทำความเข้าใจ เพราะอาจจะทำให้ลูกนั้นกดดัน หรือไม่สบายใจ จนเกิดเป็นอาการดื้อเงียบ และเอาแต่ใจขึ้นมาได้ เทคนิคแก้นิสัยลูกเอาแต่ใจ บอกเลยว่าได้ผล เทคนิคที่สามที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ ทำกิจกรรมร่วมกับลูกเมื่อเรามีเวลา เป็นอีกวิธีที่จะช่วยสานตสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูก ๆ และทำให้สนิทกัน ไม่มีช่องว่างที่ทำให้ลูกนั้นไม่สามารถเข้ามาคุยกับเราได้ ทั้งหมดก็เป็นเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ บางส่วนในการเลี้ยงลูกและแก้ปัญหาลูกเอาแต่ใจ บอกเลยว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและพ่อแม่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะส่งผลในระยะยาวได้ […]
เคล็ดลับเพิ่มน้ำนมแม่ ให้มีน้ำนมเพียงพอ ต่อความต้องการของลูกน้อย
นมแม่ เป็นสารอาหารสำคัญมาก ๆ ที่ลูกวัยแรกเกิดของเรานั้นต้องการ ต้องบอกเลยว่าหากว่าลูกได้ทานนมจากอกแม่ นอกจากจะได้สารอาหารที่ครบและเต็มที่แล้ว ยังได้สานสายใยระหว่างคุณแม่กับคุณลูกได้ วันนี้แอดอยากที่จะมา แนะนำ เคล็ดลับเพิ่มน้ำนมแม่ ให้มีน้ำนมเพียงพอ ต่อความต้องการของลูกน้อย ลูกน้อยจะกินอิ่มและไม่งอแงแน่นอน แนะนำเคล็ดลับเพิ่มน้ำนมคุณแม่ เคล็ดลับเพิ่มน้ำนมแม่ บอกเลยว่าได้ผลดีมาก ๆ เคล็ดลับแรกที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ ให้นมลูกบ่อย ๆ เมื่อเรานั้นให้นมลูก ร่างกายจะทำการผลิตน้ำนมมากเพิ่มแบบอัตโนมัติ ซึ่งบอกเลยว่ายิ่งลูกน้อยทานนมจากอกแม่เท่าไหร่ น้ำนมก็ยิ่งจะทำการผลิต ออกมาเรื่อย ๆ เคล็ดลับเพิ่มน้ำนมแม่ บอกเลยว่าได้ผลดีมาก ๆ เคล็ดลับที่สองที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ ให้นมลูกในท่าที่ถูกต้อง การให้นมลูก การนั่งในท่าที่มีความสะดวกก็ยิ่งจะทำให้ปริมาณนมน้ำนั้นผลิตออกมาได้มากขึ้น วิธีคือ อุ้มลูกไว้ข้างใดข้างหนึ่ง จะช่วยให้น้ำนมแม่ไหลได้สะดวก และเพิ่มน้ำนมเนื่องจากระบบร่างกายสามารถทำงานได้แบบสะดวกสุด ๆ เคล็ดลับเพิ่มน้ำนมแม่ บอกเลยว่าได้ผลดีมาก ๆ เคล็ดลับที่สามที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ ทานอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนให้เต็มที่ เป็นอีกเรื่องที่คุรแม่ให้นมไม่ควรมองข้าม และปัจจุบันการทานสมุนไพรเพิ่มขึ้นเสริมในเรื่องของน้ำนมก็เป็นสิ่งที่เป็นที่นิยมสุด ๆ ทั้งหมดก็เป็น เคล็ดลับเพิ่มน้ำนมแม่ ที่ให้นมลูก บอกเลยว่าน่าสนใจและมีความสำคัญและดีต่อสุขภาพของลูกน้อยที่ดีมาก […]
3 เคล็ดลับคุณแม่มือใหม่ เลี้ยงลูกยังไงให้ไม่โทรม มีเวลานอนที่เพียงพออีกด้วย
เรื่องของการเลี้ยงลูกของคุณแม่มือใหม่ เรื่องที่ว่าไม่ค่อยมีเวลานอน ลูกน้อยงอแง หิวนม ตื่นบ่อย ทำให้คุณแม่มือใหม่ของเรานั้นไม่มีเวลานอน และพักผ่อนไม่เพียงพอ วันนี้แอดอยากที่จะมา แนะนำ 3 เคล็ดลับคุณแม่มือใหม่ เลี้ยงลูกยังไงให้ไม่โทรม มีเวลานอนที่เพียงพออีกด้วย แนะนำเทคนิคคุณแม่มือใหม่เลี้ยงลูกยังไงให้ไม่โทรม เคล็ดลับคุณแม่มือใหม่ เลี้ยงลูกยังไงให้ไม่โทรม มีเวลานอนที่เพียงพออีกด้วย เคล็ดลับแรกที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ ให้นมลูกน้อยในท่านอน เพื่อเป็นท่าเตรียมพร้อมนอนของทั้งคุณแม่และคุณลูก เมื่อลูกอิ่มและเผลอหลับ คุนแม่ก็จะได้มีเวลานอนพักสักนิด ก่อนที่จะลุกมาเพื่อดูและในเตรียมพร้อมในการดูแลลูกต่อเมื่อลูกน้อยตื่น เคล็ดลับคุณแม่มือใหม่ เลี้ยงลูกยังไงให้ไม่โทรม มีเวลานอนที่เพียงพออีกด้วย เคล็ดลับที่สองที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ ให้คุณพ่อมาช่วยเลี้ยง บางครอบครัวคุณพ่ออาจจะทำงาน เมื่อคุณพ่อว่างในบางครั้ง เราอาจจะขอความช่วยเหลือให้คุณพ่อดูลูกให้ หรืออาจจะให้คุณพ่อช่วยในเรื่องของการล้างขวดนม ดูแลความสะอาดส่วนอื่น ๆ เพื่อเป็นการเบาภาระของเรานั้นเอง เคล็ดลับคุณแม่มือใหม่ เลี้ยงลูกยังไงให้ไม่โทรม มีเวลานอนที่เพียงพออีกด้วย เคล็ดลับที่สามที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ จัดในเรื่องของเวลานอนของลูกนอน เพื่อเป็นการปลูกฝังเวลานอนที่ดี และให้เกิดความเคยชิน ทำให้พ่อแม่มีเวลานอนและพักผ่อนมากขึ้น คุณแม่มือใหม่จะได้ไม่โทรม ทั้งหมดก็เป็นเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บอกเลยว่าน่าสนใจมาก ๆ […]
3 เคล็ดลับ การเสริมภูมิคุ้มกันให้กับลูก บอกเลยว่าสุขภาพดีห่างไกลโรคแน่นอน
ว่าด้วยเรื่องของภูมิคุ้มกันในเด็ก ต้องบอกเลยว่ายังไม่มากหนักและยังจะต้องให้พ่อแม่นั้นช่วยใสริมในส่วนที่ขาดให้อยู่ ทั้งในเรื่องของอาหารการกินหรือการให้นมต่าง ๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง วันนี้แอดอยากที่จะมาแนะนำ 3 เคล็ดลับ การเสริมภูมิคุ้มกันให้กับลูก บอกเลยว่าสุขภาพดีห่างไกลหวัดแน่นอน แนะนำ 3 เคล็ดลับการเสริมภูมิคุ้มกันให้กับลูก เคล็ดลับ การเสริมภูมิคุ้มกันให้กับลูก บอกเลยว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ๆ เคล็ดลับแรกที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ ฝึกให้ลูกของเรานั้นเป็นคนที่กินผักและกินผลไม้ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เราอาจจะค่อย ๆ ฝึกให้ลูกทานวันละนิดหน่อย เพื่อให้เกิดความเคยชิน หากว่าต้องกินผักหรือผบไม้ลูกเราก็สามารถทานได้ จนเป็นนิสัยยิ่งดี เพราะการทานผักมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายหลายด้าน และเสริมภูมิคุ้มกันที่ดีอีกด้วย เคล็ดลับ การเสริมภูมิคุ้มกันให้กับลูก บอกเลยว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ๆ เคล็ดลับที่สองที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ เลือกสรรและจัดเวลานอนของลูกน้อยให้มีความเหมาะสม ยิ่งในวัยเด็กการได้รับการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง รับรองว่าสามารถเสริมในเรื่องของภูมิคุ้มกันได้แบบเต็ม ๆ เคล็ดลับ การเสริมภูมิคุ้มกันให้กับลูก บอกเลยว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ๆ เคล็ดลับที่สามที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ ใส่ใจเรื่องของความสะอาดทั้งในเรื่องของเสื้อผ้าและในเรื่องของอาหาร เพราะเรื่องของเชื้อโรค หรือสิ่งที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้นั้นอยู่รอบตัว เราไม่ควรที่จะมองข้าม ทั้งหมดก็เป็นเคล็ดลับดี ๆ ที่เรานั้นจะเสริมในเรื่องของการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในร่างกายให้กับลูกน้อย […]
สร้างนิสัยรักการเรียนรู้ ให้กับลูกด้วยการ ให้การบ้านตั้งแต่วัยอนุบาล!
พ่อแม่หลายคนที่มีลูกเล็กวัยอนุบาลที่อยากจะสอนลูกให้เรียนรู้ในสิ่งต่าง ๆ เพราะเป็นวัยที่เด็กมีพัฒนาการในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้มากที่สุดและการเรียนรู้ในวัยนี้อาจส่งผลต่อความชอบของลูกในอนาคต แต่ก็กลัวว่าการจะให้ลูกรับผิดชอบในเรื่องต่าง ๆ เช่นการให้การบ้านอาจจะเป็นอะไรที่มากเกินไปสำหรับเด็กวัยนี้หรือไม่ เพื่อตอบคำถามนี้และทำให้พ่อแม่ที่มีลูกเล็กสบายใจเราจะมาตอบคำถามนี้ให้กับทุกท่าน สร้างนิสัยรักการเรียนรู้ ให้กับลูกด้วยการ ให้การบ้านตั้งแต่วัยอนุบาล! แนะการสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ให้กับลูกตั้งแต่วัยอนุบาล อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าระบบในโรงเรียน จะมีการให้การบ้านกับเด็กอย่างสม่ำเสมอนอกเหนือจากการทำกิจกรรม และเรียนรู้พื้นฐานวิชาการต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับอนาคตของเด็ก ๆ แน่นอนว่าเด็กที่เข้าโรงเรียนทุกคน จะมีการบ้านกลับมาที่บ้านไม่มากก็น้อยแล้วแต่ระบบการเรียนการสอนของโรงเรียน ทว่าในเด็กเล็ก ๆ 3-6 ปีละ การจะให้การบ้านกับเด็กวัยนี้จะเป็นไปได้หรือไม่? แล้วเด็กจะไม่รู้สึกกดดันมากเกินไปหรือ? เด็กจะเครียดตั้งแต่วัยนี้เลยหรือไม่? จาก huntingtonhelps.com เว็บไซต์ที่คอยช่วยเหลือพ่อแม่ที่มีลูกเล็กในการสอนลูกให้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากสหรัฐอเมริกาแนะนำว่าการ สร้างนิสัยรักการเรียนรู้ ให้กับลูกด้วยการให้การบ้านตั้งแต่วัยอนุบาลเป็นสิ่งที่ดีต่อพัฒนาการของเด็ก และช่วยให้เด็กรู้จักมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง เช่นเดียวกับการสอนให้เด็กรู้จักการทำงานบ้านเล็ก ๆ สอนให้มีความรับผิดชอบต่องานเล็ก ๆ น้อย ๆ จะทำให้เด็กโตมามีความรับผิดชอบและสามารถเข้าไปอยู่ในสังคมได้อย่างดีนั่นเอง การให้ลูกรับผิดชอบการบ้านตั้งแต่วัยอนุบาลยังช่วยให้เด็กคุ้นชินกับระบบของโรงเรียนมากขึ้นอีกด้วย ช่วยลดความกังวลและทำให้เด็กไม่รู้สึกงอแงเมื่อต้องไปโรงเรียนอีกด้วย สร้างนิสัยรักการเรียนรู้ ให้กับลูกด้วยการให้การบ้านตั้งแต่วัยอนุบาลสามารถทำได้ที่บ้านด้วยเช่นกัน หากไม่ได้ส่งลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลก็สามารถสร้างพื้นที่ในการเรียนรู้จากที่บ้านเองได้ ด้วยการสร้างพื้นที่เล็ก ๆ ที่มีโต๊ะ เก้าอี้ อุปกรณ์ในการเรียนรู้ต่าง ๆ รอบบริเวณ […]
เสริมพัฒนาการลูกตั้งแต่ในครรภ์ ด้านประสาทสัมผัส เพื่อการตื่นตัวตั้งแต่อยู่ในท้อง
คุณแม่ตั้งครรภ์ทั้งหลายรู้หรือไม่ว่าลูกในท้องของคุณสามารถมีพัฒนาการทางด้านประสาทสัมผัสจากการช่วยเหลือจากตัวคุณแม่ตั้งแต่อยู่ในครรภ์เลยทีเดียว ทั้งนี้เราได้นำข้อมูลดี ๆ เพื่อให้คุณแม่สามารถ เสริมพัฒนาการลูกตั้งแต่ในครรภ์ ด้านประสาทสัมผัส เพื่อการตื่นตัวตั้งแต่อยู่ในท้อง แนะนำการเสริมพัฒนาการลูกตั้งแต่ในครรภ์ 1. เสียง – เสริมพัฒนาการลูกตั้งแต่ในครรภ์ ด้านประสาทสัมผัส เพื่อการตื่นตัวตั้งแต่อยู่ในท้อง ทางด้านการฟัง เมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์ได้ 16 สัปดาห์ลูกสามารถได้ยินเสียงของคุณแม่และสิ่งรอบตัวได้แล้ว ดังนั้นคุณแม่สามารถพูดคุยกับลูก และฝึกให้ลูกฟังเพลงเพื่อให้ลูกอารมณ์ดีและถือเป็นการเรียนรู้เรื่องประสาททางด้านการฟังของลูกน้อยที่ดีอีกทางเลยล่ะ 2. การมองเห็น – เสริมพัฒนาการลูกตั้งแต่ในครรภ์ ด้านประสาทสัมผัส เพื่อการตื่นตัวตั้งแต่อยู่ในท้อง ทางด้านการมองเห็น หลายคนอาจจะคิดว่าเด็กอยู่ในท้องจะสามารถมองเห็นสิ่งรอบตัวได้อย่างไร ทว่าผนังในท้องไม่ได้หนาขนาดที่เด็กจะมองออกมาไม่ได้ ดังนั้นเมื่อเด็กในครรภ์มีอายุ 16 สัปดาห์จะเริ่มไวต่อแสงต่าง ๆ มากขึ้น ช่วงนี้คุณแม่สามารถออกไปเดินเล่นท่ามกลางแสงแดดเพื่อให้ลูกน้อยได้สัมผัสกับแสงแดดตั้งแต่ในครรภ์เลย 3. สัมผัส – เสริมพัฒนาการลูกตั้งแต่ในครรภ์ ด้านประสาทสัมผัส เพื่อการตื่นตัวตั้งแต่อยู่ในท้อง เด็กในครรภ์สามารถรับรู้ถึงการสัมผัสต่าง ๆ ตั้งแต่ 19 สัปดาห์ ทว่ายังไม่มีผลการวิจัยว่าการสัมผัสท้องจะสามารถพัฒนาประสาทการสัมผัสของเด็กในครรภ์ได้ ทารกจะพัฒนาด้านการสัมผัสได้ดีที่สุดหลังจากคลอดจากการถูกอุ้มถูกสัมผัสตัวนั่นเอง อย่างไรก็ตามการสัมผัสท้องและพูดคุยกับเด็กระหว่างที่อยู่ในท้องก็เป็นการเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแม่ลูกได้เป็นอย่างดี คุณแม่ควรทำอย่างสม่ำเสมอจะมีผลดีต่อเราและลูกน้อย 4. กลิ่น – เสริมพัฒนาการลูกตั้งแต่ในครรภ์ […]
5 วิธีกำจัดกลิ่นช่องคลอด ที่ไม่พึงประสงค์ หลังจากการคลอดบุตร
คุณแม่หลังตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จะมีปัญหาน้ำคาวปลาที่ออกมามากกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงแรกที่อาจมีเลือดผสมออกมาด้วย จากนั้นก็จะกลายเป็นสีใสแต่ก็ยังมีปริมาณที่มากอยู่ เมื่อน้ำคาวปลาจากช่องคลอดสัมผัสกับแบคทีเรียที่สะสมอยู่บริเวณช่องคลอดทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ เพื่อช่วยคุณแม่หลังคลอดให้มีสุขอนามัยที่ดีเราจึงได้รวบรวม 5 วิธีกำจัดกลิ่นช่องคลอด ที่ไม่พึงประสงค์ หลังจากการคลอดบุตร แนะนำ 5 วิธีกำจัดกลิ่นช่องคลอด 1. ทำความสะอาดช่องคลอดด้วยน้ำเปล่า – วิธีกำจัดกลิ่นช่องคลอด ที่ไม่พึงประสงค์จากหลังการคลอดบุตร ไม่ควรทำการสวนล้างหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอมที่อาจมีสารเคมีและทำให้บริเวณช่องคลอดของคุณแม่เกิดอาการแพ้ ควรล้างภายนอกบริเวณจุดซ่อนเร้นด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด และล้างบ่อย ๆ เมื่อรู้สึกมีกลิ่นก็เพียงพอแล้ว 2. ใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่อ่อนโยนต่อผิว – วิธีกำจัดกลิ่นช่องคลอด ที่ไม่พึงประสงค์จากหลังการคลอดบุตร สบู่ที่ใช้อาบน้ำก็มีส่วนเช่นกันเพราะเวลาเราอาบน้ำสบู่จะล้างบริเวณจุดซ่อนเร้นด้วย ดังนั้นควรใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่อ่อนโยนต่อผิวบอบบางเอาไว้ก่อนเพื่อลดอาการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นได้ หรือใครที่ใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อล้างจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะควรเลือกยี่ห้อที่ผ่านการรับรองจากแพทย์เท่านั้น 3. ใส่กางเกงในที่ระบายได้ดี ไม่ใส่กางเกงรัดรูปเป็นเวลานาน – วิธีกำจัดกลิ่นช่องคลอด ที่ไม่พึงประสงค์จากหลังการคลอดบุตรการที่ใส่กางเกงในที่ระบายอากาศได้ไม่ดี หรือใส่การกางเกงรัด ๆ จะทำให้บริเวณจุดซ่อนเร้นอับชื้นก่อให้เกิดเชื้อแบคทีเรียซึ่งทำให้เกิดกลิ่นบริเวณช่องคลอดได้นั่นเอง ดังนั้นควรใส่กางเกงในและกางเกงที่ระบายได้ดีเพื่อความสะอาดไม่ร้อนอับชื้น หรือจะใส่เป็นกระโปรงไปก่อนก็เป็นทางเลือกที่ดีเลยล่ะ 4. เปลี่ยนผ้าอนามัยระหว่างวันเพื่อช่วยลดกลิ่น – วิธีกำจัดกลิ่นช่องคลอด ที่ไม่พึงประสงค์จากหลังการคลอดบุตร เนื่องจากหลังจากคลอดบุตรจะมีน้ำคาวปลาออกมามากจึงจำเป็นที่จะต้องใส่ผ้าอนามัยเอาไว้ เมื่อน้อยลงสามารถเปลี่ยนเป็รแผ่นอนามัยได้ อย่างไรก็ตามไม่ควรใส่แผ่นเดียวตลอดทั้งวันควรเปลี่ยนเมื่อรู้สึกไม่สบายตัว อึดอัด อย่างน้อยวันละ 3-4 แผ่นเพื่อลดการอับชื้นที่สามารถสร้างกลิ่นและอาการคันได้ 5. รับประทานอาหารที่มีโพรไบโอติกส์ […]
ภาวะโลหิตจางขณะตั้งครรภ์ ของคุณแม่อันตราย ต่อการตั้งครรภ์มากกว่าที่คิด!
คุณแม่ตั้งครรภ์ทั้งหลายน่าจะพอทราบกันดีว่าคนที่มีภาวะโลหิตจางหรือคนที่เป็นโรคโลหิตจางอยู่แล้วมีโอกาสอย่างมากที่จะแท้ง หรือไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เหมือนคนทั่ว ๆ ไป ทว่าภาวะนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในขณะที่ตั้งครรภ์อยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนน้อย หรืออาจจะปัจจัยอื่น ๆ อีก ครั้งนี้เราจะพาคุณแม่ตั้งครรภ์ทั้งหลายไปรู้จักกับภาวะโลหิตจางนี้ให้มากขึ้น เพื่อการเฝ้าระวังและดูแลร่างกายของตัวเองให้สมบูรณ์แข็งแรงมากขึ้น ภาวะโลหิตจางขณะตั้งครรภ์ ของคุณแม่อันตราย ต่อการตั้งครรภ์มากกว่าที่คิด! อาการภาวะโลหิตจางขณะตั้งครรภ์ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรามี ภาวะโลหิตจางขณะตั้งครรภ์ วิธีสังเกตง่าย ๆ คือจะรู้สึกเหมือนจะเป็นลมอยู่บ่อยครั้ง หน้าซีด มีความอ่อนเพลีย หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ รู้สึกเบื่ออาหารและมีอาการคลื่นไส้อาเจียนได้อีกด้วย หากทราบว่าตัวเองมีอาการเหล่านี้ขั้นต้นสามารถเดาไว้ก่อนเลยว่าเราอาจมีภาวะโลหิตจางอยู่และควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยและตัวของคุณแม่เอง เพราะภาวะโลหิตจางอันตรายต่อการตั้งครรภ์มากกว่าที่คิด หากคุณแม่ที่ตั้งครรภ์เป็นภาวะโลหิตจาง เด็กมีโอกาสที่จะเสียชีวิตในครรภ์สูงมาก หรืออาจจะคลอดออกมาแล้วเสียชีวิตได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้หากเด็กรอดมาได้ก็มีโอกาสที่จะพิการหรืออาจจะเป็นโรคโลหิตจางได้ด้วยเช่นกัน ภาวะโลหิตจางจึงเป็นอันตรายมากกว่าที่ใครหลายคนคิดนั่นเอง ภาวะโลหิตจางขณะตั้งครรภ์ อันตรายต่อการตั้งครรภ์มากกว่าที่คิด ดังนั้นคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ควรใส่ใจและสังเกตตัวเองให้ดี ทั้งนี้สามารถปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการรักษาและดูแลร่างกายตัวเองเพื่อให้เด็กที่คลอดออกมาสมบูรณ์แข็งแรงได้ เพราะบางคนอาจไม่ปรากฏภาวะโลหิตจางก่อนตั้งครรภ์แต่ดันเกิดภาวะนี้ขณะตั้งครรภ์ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน การรับประทานวิตามินเสริม เช่น วิตามินดี ธาตุเหล็ก ก็สามารถช่วยลดภาวะโลหิตจางได้ (ทั้งนี้ควรอยู่ในการควบคุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ) การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เพียงพอก็สามารถช่วยให้เด็กที่เติบโตออกมาแข็งแรงได้เช่นกัน โดยสามารถเน้นที่โปรตีนและกากอาหารต่าง ๆ เช่น เนื้อ นม ไข่ ผักใบสีเขียวเข้ม เป็นหลักเพื่อบำรุงเลือดในร่างกายของคุณแม่และเด็กในท้อง แม้เราจะดูแลตัวเองอย่างดีและสามารถคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัยและสุขภาพดีแต่คุณแม่ที่มีภาวะโลหิตจางก็ยังคงต้องดูแลตัวเองอยู่ถึงหกเดือนหลังคลอดเพื่อให้ร่างกายกลับมาเป็นปกติ ดังนั้นนอกจากภาวะโลหิตจางอันตรายต่อการตั้งครรภ์มากกว่าที่คิดแล้วยังคงเป็นอันตรายต่อตัวของคุณแม่หลังจากตั้งครรภ์อีกด้วย อย่าลืมติดตามบทความ แม่และเด็ก ได้ที่เว็บ […]
วิธีสังเกตง่ายๆ 4 อาการใกล้คลอด ของคุณแม่ที่กำลังตังครรภ์ เป็นอย่างไร
โดยปกติของคุณแม่ใกล้คลอดจะมีอาการก่อนคลอดนำมาก่อนประมาณหนึ่งถึงสองเดือน ซึ่งทำให้คุณแม่สามารถคาดเดาได้ว่าลูกกำลังจะคลอดแล้วนั่นเอง ซึ่งอาการก่อนคลอดสามารถสังเกตได้จากอาการเจ็บคลอดเตือน การมีมูกขาวไหลออกมาจากช่องคลอด ความรู้สึกสบายตัวเมื่อหัวของลูกเคลื่อนตัวลงต่ำ และการขยับตัวของลูกที่ลดลงนั่นเอง ส่วนในระยะใกล้คลอดนั้นจะเกิดขึ้นประมาณ 1-2 วันก่อนคลอด วิธีสังเกตง่ายๆ 4 อาการใกล้คลอด ของคุณแม่ที่กำลังตังครรภ์ เป็นอย่างไร แนะนำวิธีสังเกตง่ายๆ 4 อาการใกล้คลอด 1. มีมูกเลือดออกมาจากช่องคลอด – สังเกตง่ายๆ อาการใกล้คลอด ของคุณแม่ที่กำลังตังครรภ์ หลังจากที่มีมูกขาวออกมาในช่วงก่อนคลอดประมาณเดือนหรือสองเดือนนั้นในช่วงใกล้คลอดนั้นจะมีเลือดปนออกมาในมูกเลือดด้วย ในช่วงนี้คุณแม่ควรอยู่ในมือหมอได้แล้วเพราะเมื่อมีเลือดออกมาด้วยแสดงว่าคุณแม่กำลังจะคลอดแล้วนั่นเอง 2. อาการน้ำคร่ำเดิน – สังเกตง่ายๆ อาการใกล้คลอด ของคุณแม่ที่กำลังตังครรภ์ อย่างที่ทราบกันดีว่าอาการที่สังเกตได้ง่ายที่สุดคืออาการน้ำคร่ำเดินนั่นเอง หรือมีน้ำที่ออกมาช่องคลอดปริมาณมากคล้ายน้ำปัสสาวะแต่ไม่มีสีและกลิ่น เมื่อน้ำคร่ำเดินหมายถึงคุณแม่พร้อมที่จะคลอดแล้ว ทั้งนี้ไม่ควรปล่อยให้น้ำคร่ำแตกและไหลออกมาเกิน 18 ชั่วโมงเพราะจะทำให้เชื้อโรคเข้าไปสู่ร่างกายของคุณแม่ได้ ดังนั้นช่วงนี้คุณแม่ต้องอยู่ในมือหมอและคลอดเด็กภายใน 48 ชั่วโมงเพื่อความปลอดภัยของแม่และเด็ก 3. เจ็บท้องคลอดจริง (True Labor) – สังเกตง่ายๆ อาการใกล้คลอด ของคุณแม่ที่กำลังตังครรภ์ จากที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าคุณแม่จะรู้สึกเจ็บท้องมาตั้งแต่ช่วงก่อนคลอดประมาณหนึ่งถึงสองเดือน ซึ่งในช่วงนั้นคุณแม่จะเจ็บท้องถี่บ้างห่างบ้างไม่สม่ำเสมอ ทว่าช่วงเจ็บท้องคลอดจริง คุณแม่จะรู้สึกเจ็บท้องนานขึ้นและสม่ำเสมอมากขึ้น แน่นอนว่ารุนแรงมากขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งการเจ็บท้องคลอดจริงจะมีมูกเลือดออกมาให้เห็นด้วย อาการเจ็บท้องคลอดจริงจะเกิดทุก […]