Tag: การดูแลเอาใจใส่ลูก

ก้าวเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเต็มตัว หรือเป็นฤดูที่คุณพ่อคุณแม่เกิดความกังวลไม่น้อยเกี่ยวกับสุขภาพของลูก ไม่ว่าจะเป็นโรคไข้หวัด โรคฉี่หนู หรือ “โรคภูมิแพ้” ที่ต้องประสบพบเจอบ่อยๆในทุกฤดูฝนหรือฤดูหนาว ซึ่งเด็กบางคนอาจจะมีอาการภูมิแพ้รุนแรงจนทำให้คุณพ่อคุณแม่เกิดความกังวลใจเป็นอย่างมาก ล่าสุดได้มีงานวิจัยจากประเทศญี่ปุ่นได้มีการออกมาเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการว่า การรับประทานโยเกิร์ตวันละ 1 แก้ว หรืออาทิตย์ละ 3-4 แก้ว พร้อมกับงาดำหรือธัญพืชก็จะสามารถป้องกันโรคภูมิแพ้ในวัยเด็กได้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งงานวิจัยที่น่าสนใจเป็นอย่างมากสำหรับคุณแม่และเด็ก ซึ่งวันนี้เราจะพาชาวบล็อกแม่และเด็ก ไปพบกับความมหัศจรรย์ของการรับประทานโยเกิร์ตเพื่อป้องกันโรคเหล่านี้ไปพร้อมๆกันเลยค่ะ การรับประทานโยเกิร์ตสามารถป้องกัน “โรคภูมิแพ้” อาจเป็นเรื่องที่คุณแม่หลายคนยังไม่รู้             เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งงานวิจัยและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์คุณแม่หลายบ้านเป็นอย่างมาก สำหรับการรับประทานโยเกิร์ตพร้อมกับงานหรือธัญพืชเพื่อป้องกัน “โรคภูมิแพ้” โดยงานวิจัยนี้ได้ถูกค้นพบและนำไปใช้เป็นที่รู้จักกันอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น ในฤดูฝนนั้นจะทำให้เด็กมีปัญหาสุขภาพอันดับ 1 คือโรคภูมิแพ้หรือ โรคไข้หวัด เพราะละอองฝนอาจนำพาจุลินทรีย์หรือแบคทีเรียก่อโรคมาสู่ทางเดินหายใจของลูกน้อยได้ นอกจากจะทำให้ลูกน้อยมีอาการไข้หวัด หรือ รู้สึกรำคาญกับอาการป่วยนี้ ยังทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ ดังนั้นการส่งเสริมให้ลูกรับประทานโยเกิร์ตคู่กับเมล็ดธัญพืชหรืองา ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจที่สามารถป้องกันอาการเจ็บป่วยเหล่านี้ได้ เพราะโยเกิร์ตเป็นอาหารที่มีจุลินทรีย์และมีแบคทีเรียดีจะสามารถช่วยปรับความสมดุลอวัยวะภายในร่างกายอย่างเช่นลำไส้ ให้มีการทำงานสมดุลมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังสามารถยับยั้งสารก่อภูมิแพ้ต่างๆได้ ซึ่งงานวิจัยนี้ก็ได้ถูกตีพิมพ์และได้รับการยืนยันว่าเป็นงานวิจัยสำหรับแม่และเด็กเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีคุณแม่หลายคนมักเลือกใช้วิธีนี้กันอีกด้วย แม่และเด็ก             เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับความรู้ใหม่การรับประทานโยเกิร์ตพร้อมกับงาบด หรือ ธัญพืช สามารถป้องกัน“โรคภูมิแพ้”ให้ให้กับลูกน้อยของคุณได้ ดังนั้น การรับประทานโยเกิร์ตจึงถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะสามารถป้องกันโรคเหล่านี้แล้ว โยเกิร์ตยังมีวัตถุดิบและส่วนผสมที่มีประโยชน์เป็นอย่างมากช่วยทำให้ลำไส้มีการทำงานที่สมดุล และช่วยปรับสภาพร่างกายให้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะเหตุนี้การรับประทานโยเกิร์ตเพื่อป้องกันโรคนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ […]

จะพูดถึงเรื่องลูก ก็มีมากมายหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้กันต่อไป ซึ่งนิสัยของลูกหลาย ๆ อย่างก็มาจากคนเป็นคุณพ่อคุณแม่ทั้งนั้น ซึ่งการที่ ลูกดื้อเงียบ ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความกลุ้มใจให้กับคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้ และสาเหตุก็จะมาจากพ่อแม่ที่มีความเข้มงวด หรือตีกรอบให้ลูกมากเกินไป ทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ค่อยจะดีนัก หรือการที่ปกป้องลูกมากเกินไปก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการลูกดื้อเงียบ วันนี้แอดอยากจะมาแนะนำถึง การปราบ ลูกดื้อเงียบ ให้กลับมาเป็นเด็กสดใสและเปิดเผย เนื่องจากการที่ ลูกดื้อเงียบ มีผลต่อการพัฒนาลูกในเรื่องต่าง ๆ เช่นในเรื่องของการเรียนรู้ เพราะถ้าลูกมีอาการดื้อเงียบ ลูกอาจจะแสดงในเรื่องของการปิดกั้นตัวเอง หรือทำที่ท่าว่าฟัง แต่ข้างในไม่สนในอะไรอยู่ก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ถือว่าอาการน่าเป็นห่วงมาก และการที่ลูกดื้อเงียบจะส่งผู้ไปถึงเรื่องการปรับตัวเข้ากับคนอื่น เพื่อน หรือสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวลูกเองด้วย และจะกลายเป็นคนที่ไม่สนใจต่อโลก ส่งผลไปถึงเรื่องการเข้าสังคมของลูกให้เป็นเรื่องที่ยากขึ้น เพราะ ลูกดื้อเงียบ คือเรียกง่าย ๆ ว่าเด็กที่มีอาการดื้อเงียบ เค้าจะมีกำแพงในตัวเองสูงอารมณ์อาจจะมีความหลายหลาย หรือเก็บกดไว้ข้างในก็ได้ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมาก การปราบ ลูกดื้อเงียบ ให้กลับมาเป็นคนที่สดใสและเปิดเผย คงไม่พ้นในเรื่องของความเข้าใจ การพูดคุยกันด้วยเหตุผล ว่าเพราะอะไร เราต้องปรับแก้ในส่วนไหน และปรับแก้ไปพร้อม ๆ กับลูก ให้อิสระ ลองให้ลูกได้เลือกในสิ่งที่ต้องการ แต่ไม่ได้บอกว่าให้ตามใจนะ หมายถึงว่าให้ทุกอย่างอยู่ในขอบเขตที่พอดี […]

เวลาของลูกที่พ่อแม่ไม่ควรละเลย พ่อแม่หลายคนก็มักอยากที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกแต่รู้ไหมว่าสิ่งที่เลือกให้ลูกนั้นเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันดีกับลูกจริงหรือเปล่ารวมทั้งการซื้อของใช้สารพัดสิ่งและของเล่นสารพัดอย่าง และโรงเรียนที่ลูกจะต้องเข้าเรียน ค่าเรียนที่มีราคาแพงหลายหมื่นหลายแสนคือเรียกได้ว่ามีมากก็ทุ่มเทมาก มีน้อยก็สรรหาทุ่มตามกำลัง แม่จะส่งลูกเรียนที่นี้ แม่จะใช้ตัวนี้ ให้ลูกตัวนั้น ลูกคนอื่นได้ของชิ้นนั้น แล้วคือคนที่ไม่ได้มีของเลิศเลอต่างๆให้ลูกก็จะมีความรู้สึกว่าฉันเป็นพ่อเป็นแม่ที่ไม่ดีหรือเปล่าที่ไม่มีสิ่งเหล่านั้นให้ลูกเลยเหมือนเราพยายามสร้างสิ่งต่างๆที่มันเหนือความเป็นจริงของพ่อแม่คือจะให้เขาหันซ้ายหันขวาทุกอย่างมันก็ดีงามไปหมดเลยคือพ่อแม่คิดแทนลูกหมดทุออย่าง ลูกแทบจะไม่มีทางเลือกอะไรเองได้เลย แต่พ่อแม่ควรถามลูกและเปิดโอกาสให้ลูกได้มีความคิดเป็นของตัวเองได้เลือกสิ่งที่ตัวเองชอบด้วยตนเอง โดยที่คุณพ่อคุณแม่มีหน้าที่แค่คอยบอกคอยสอนปลูกฝังสิ่งที่ดีและแนะนำสิ่งที่ถูกต้องให้กับลูก การที่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดมันก็ไม่ใช่ข้อดีเสมอไป เพราะลูกยังต้องเผชิญโลกไม่ใช่อยู่แค่ในสังคมเดียวยังจะต้องเรียนรู้ผู้คนหลากหลายรูปแบบจะต้องเจอโลกกว้างต้องรู้จักผิดหวังบ้าง แล้วไม่ใช่ให้เขาคิดว่าพ่อแม่จะต้องมีหน้าที่ให้ทุกอย่างให้สิ่งที่เขาต้องการสิ่งที่ดีที่สุดกับเขาเสมอโดยที่เขาจะต้องรับอย่างเดียว เพราะฉะนั้นสิ่งที่เหมาะสมสิ่งที่พอดีคือจะต้องให้เมื่อเหมาะสมตามวัย เหมาะสมฐานะ พอดีตามความเป็นจริง พอดีกับโอกาสจะเป็นสิ่งที่ดีต่อตัวเด็กมากที่สุดและจริงๆแล้วสิ่งที่ดีที่สุดที่ลูกทุกคนต้องการจากพ่อแม่และพ่อแม่ก็ไม่ต้องลงทุนอะไรเลยมีอยู่แค่อย่างเดียวนั่นคือ “เวลา” เวลาที่จะอยู่กับเขา รับฟังเขาเล่นกับเขาใช้เวลาร่วมกันให้มากๆ เพราะนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดอย่างเดียวเลยที่พ่อแม่นั้นควรให้ความสำคัญและควรแบ่งเวลาให้ลูกอย่างเหมาะสมและหากิจกรรมทำร่วมกันในครอบครัว เพราะการที่มีลูกแต่พ่อแม่ไม่ได้มีเวลาให้ก็เสมือนเลี้ยงลูกแบบปล่อยปะละเลยลูกก็จะว้าเหว่และขาดความอบอุ่นในที่สุด