การฝึกฝนทักษะต่างๆให้กับลูกของท่านเป็นสิ่งที่ดี และพ่อแม่นายคนควรที่จะสอนให้ลูกทำตั้งแต่ยังเด็ก เพราะจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการ ความคิดให้แก่ลูกของท่านได้เป็นอย่างดี เด็กจะรู้จักช่วยงาน และทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง รู้จักวิธีการดำรงชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อเป็นการฝึกฝนความขยันให้เขารู้จักหน้าที่ของตนเอง แม่และเด็ก การเลี้ยงลูก พัฒนาการเด็ก วันนี้เราจึงจะพาทุกท่านไปดูวิธีการฝึกทักษะให้ลูก ทำงานบ้าน ช่วยตั้งแต่ยังเด็ก จะเป็นวิธีที่ได้ผลเพียงใดนั้นไปดูกันเลย สอนลูก ทำงานบ้าน สร้างประสบการณ์ชีวิตในช่วงวัยเด็ก การฝึกฝน การสั่งสอน เป็นสิ่งที่พ่อแม่หลายคนควรมีให้ลูก เริ่มต้นจากสถาบันครอบครัวเป็นหลักที่จะต้องมอบความรู้ให้แก่เด็ก ให้เด็กได้รู้จักคิด รู้จักไตร่ตรอง รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อที่ในอนาคตเขาจะเติบโตมาเป็นเด็กที่ดี จะมีวิธีการสอนลูกอย่างไรนั้นไปดูกันเลยดังต่อไปนี้ สอนและอธิบายให้เขาเข้าใจด้วยการทำงานเป็นทีม การสั่งสอนและอธิบายสิ่งต่างๆด้วยเหตุผลให้ลูกเข้าใจ ว่าสิ่งที่เราจะพาทำดังต่อไปนี้ทำเพื่ออะไร และบอกเขาว่าต่อไปเขาต้องได้ทำเมื่อโตขึ้น นอกจากนั้นคนเป็นพ่อแม่ก็ต้องพาเขาทำด้วย เพื่อให้เขาเกิดการเรียนรู้จากสิ่งที่เราพาทำ และในครั้งต่อไปเขาจะสามารถทำได้ด้วยตนเอง 2.สอนให้เขาวางแผนทำงานบ้านด้วยตนเอง หลังจากที่เราได้พาเขาทำแล้ว ในรอบต่อไปเขาจะสามารถทำได้ด้วยตนเอง สิ่งที่เราพาทำลูกจะสามารถนำไปวางแผนการทำงานบ้านในครั้งต่อไปได้ จะทำให้เขารู้จักจัดการสิ่งต่างๆด้วยตนเองหากเติบโตขึ้นมา รวมไปถึงรู้จักหน้าที่ของตนเองด้ว 3.การเสนอรางวัลให้แก่ลูกเมื่อเขาทำสำเร็จ หลังจากที่ทำงานบ้านเสร็จสิ้นแล้ว การให้รางวัลเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเด็ก พ่อแม่หลายคนควรให้รางวัลแก่ลูกเพื่อเป็นกำลังใจในการทำครั้งต่อไป พร้อมทั้งให้คำชมเชยเขาหลังจากที่ทำเสร็จแล้ว และเขาจะได้สนุกสนานไปกับการทำงานด้วยตนเอง เป็นการกระตุ้นให้เขาอยากที่จะทำเป็นประจำ 4. ให้อิสระในการทำงานแก่เขา หลังจากที่เขาสามารถทำอะไรด้วยตนเองได้แล้ว ไม่ควรที่จะไปตีกรอบให้เขามากจนเกินไป ควรให้อิสระในการทำหน้าที่แก่เขา เขาจะได้เกิดความมั่นใจ ทำอะไรได้ด้วยตนเองโดยที่ไม่มีพ่อแม่คอยบอก วิธีการสั่งสอนลูกให้เด็กช่วยทำงานบ้านตั้งแต่ยังเล็ก จะเป็นการปลูกฝังนิสัยให้เขาได้เป็นอย่างดี […]
Tag: แม่และเด็ก
การดูแลสุขภาพของคุณแม่ สำหรับคุณแม่หลังคลอด 6 สัปดาห์ไม่ควรปฏิบัติ
ข้อห้ามและข้อควรระวังของคุณแม่ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงหลังคลอดบุตรเป็นสิ่งที่หลายคนควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพราะในช่วงนี้ร่างกายจะเกิดการอ่อนแอ ระบบต่างๆทำงานได้ไม่เป็นปกติ คุณแม่หลายคนควรที่จะพึงระวังตนเองให้มาก เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของท่าน วันนี้เราจึงจะพาทุกท่านไปดูข้อควรรู้ การดูแลสุขภาพของคุณแม่ หลังจากคลอดบุตรออกมาแล้ว 6 สัปดาห์ แม่และเด็ก การเลี้ยงลูก พัฒนาการเด็ก จะเป็นประโยชน์ต่อท่านมากเพียงใดนั้นไปดูกันเลย ข้อห้ามใน การดูแลสุขภาพของคุณแม่ หลังคลอดที่ไม่ควรปฏิบัติ หลังจากออกจากโรงพยาบาล คุณแม่หลังคลอดจะได้รับคำแนะนำต่างๆจากคุณหมอ โดยเฉพาะการดูแลตัวเองหลังคลอดบุตร ซึ่งในช่วงระยะนี้จะเป็นช่วงระยะการฟื้นตัว ที่คุณแม่ต้องดูแลตนเองและลูกน้อยให้ดี เพื่อให้เกิดความปลอดภัยของทั้งสองท่าน วันนี้เราจึงมีข้อห้ามสำหรับหญิงหลังคลอดมาให้ได้รู้จักและปฏิบัติตาม จะมีข้อห้ามใดบ้างนั้นไปดูกันเลย ห้ามออกกำลังกายหักโหมหรือหนักจนเกินไป หลังคลอดบุตรร่างกายและระบบต่างๆทำงานได้ไม่เหมือนเดิม การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีสำหรับหลายคน แต่สำหรับคุณแม่หลังคลอดแล้วนั้นหากต้องการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ควรที่จะทำได้เพียงแค่เดินไปมาก่อน เพราะในช่วงนี้ไม่แนะนำให้ออกกำลังกายในรูปแบบใดใดทั้งสิ้น 2.หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หลังจากคลอดบุตรแล้วหลายคนจะมีแผลผ่าคลอด และหลายคนถ้าหากคลอดแบบธรรมชาติจะเกิดแผลได้น้อย ในช่วงนี้ร่างกายกำลังจะฟื้นตัว ไม่แนะนำให้ยกของหนัก เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องเกิดการเกร็ง ทำให้แผลเกิดการอักเสบ หรือมดลูกเกิดการหย่อนได้ 3.ไม่ควรรับประทานอาหารแสลง อาหารเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคุณแม่หลังคลอดที่ต้องฟื้นฟูร่างกายให้กับมาสมบูรณ์ดังเดิม แต่การรับประทานอาหารนั้นต้องเลือกรับประทานอาหาร ไม่ควรรับประทานอาหารต้องห้ามสำหรับหลังคลอดเพราะอาจจะทำให้แผลไม่แห้ง หรืออาจจะทำให้สุขภาพร่างกายของท่านเกิดอันตรายในรูปแบบอื่นๆได้ 4.ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ ภายใน 6 สัปดาห์นี้ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ก่อน เพราะในช่วงนี้มดลูกของท่านจะยังไม่เข้าอู่ และแผลผ่าตัดอาจจะยังไม่แห้งดี ซึ่งหากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อ เกิดอันตรายต่ออวัยวะภายในได้ สำหรับข้อควรระวังที่เรานำมาให้ท่านได้รู้จักในวันนี้ […]
วิธีการสังเกต เฝ้าระวังสำหรับลูกน้อย ที่คนเป็นแม่ไม่ควรมองข้าม
การดูแลตนเองหลังคลอดบุตรเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง แต่การดูแลลูกน้อยของท่านก็เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษเหมือนกัน หลายคนมีความเป็นกังวลใจอยู่มากเกี่ยวกับเรื่องต่างๆของลูกน้อย เพราะเด็กจะไม่สามารถบอกอะไรเราได้เมื่อเขาเกิดอาการต่างๆ ดังนั้นคนเป็นแม่อย่างเราควรที่จะรู้จัก วิธีการสังเกต ลูกให้ดี หากมีอาการร้องไห้ไม่หยุดให้หาสาเหตุการเกิดให้เร็วที่สุด แม่และเด็ก การเลี้ยงลูก พัฒนาการเด็ก วันนี้เราจึงจะพาทุกท่านไปดูข้อควรระวังที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับลูกน้อย จะมีเรื่องใดบ้างนั้นไปดูกันเลย วิธีการสังเกต เฝ้าระวัง ลูกน้อยของคุณให้ปลอดภัยอยู่เสมอ เด็กทารกเมื่อคืนอาการต่างๆที่ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว เขาจะส่งสัญญาณเตือนและบอกกับเราด้วยวิธีการร้องไห้ ซึ่งอาการเหล่านี้บ่งบอกว่าลูกของคุณกำลังมีอาการที่ไม่ปกติ ฉะนั้นเราควรที่จะรู้จักสังเกตอาการร้องไห้ไม่หยุดของเขาให้ดี จะมีสาเหตุมาจากอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย อาการสำลักนม การเกิดสำลักนมในเด็กเราจะสามารถมองเห็นได้ โดยจะออกมาทางช่องปาก อาจมีสาเหตุมาจากให้ลูกรับประทานนมมากเกินไป หรือน้ำนมของท่านไหลมากจนเกินไป ในขณะที่ให้นมควรระมัดระวังและสังเกตให้ดีว่าลักษณะการดูดนมของลูกดีหรือไม่ พอเหมาะหรือยัง เพื่อไม่ให้เกิดการสำลักนมเกิดขึ้น 2.ลักษณะของน้ำเข้าหูและจมูก อาการเหล่านี้เป็นการเกิดอุบัติเหตุในขณะที่อาบน้ำ หากเกิดลักษณะนี้ควรจับทารกตะแคงด้านใดด้านหนึ่ง แล้วใช้คัตตอนบัต ซื้อสำลีเช็ดบริเวณที่น้ำเข้า หรือจะใช้ลูกยางแดงดูดน้ำออกก็ได้ 3.เลือดออกในขณะตัดเล็บ อุบัติเหตุที่พบบ่อยครั้งด้วยการตัดเล็บที่ทำให้ดูเนื้อบริเวณนิ้วของเด็ก หากเกิดลักษณะเช่นนี้อาจจะมีสาเหตุมาจากเด็กดิ้น หรือผู้ปกครองมองไม่เห็น ซึ่งวิธีการป้องกันควรที่จะให้ลูกนอนหลับก่อนตัด หรือจะตัดในที่มีแสงสว่างเพื่อให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจน 4.เด็กโดนน้ำร้อนในขณะอาบน้ำ อุบัติเหตุที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยในขณะอาบน้ำ แต่ก็พบได้บ่อย วิธีการแก้ไขก็คือควรที่จะมีการเช็คระดับความอุ่นของน้ำให้ดีเสียก่อน ก่อนที่จะนำเด็กลงไปอาบน้ำ โดยใช้มือของท่านแช่ลงไปในน้ำเพื่อทดสอบว่าน้ำมีระดับความร้อนเท่าใด ข้อควรระวังสำหรับการดูแลลูกน้อยของท่านที่เรานำมาให้รู้จักในวันนี้ เป็นสิ่งที่พบได้เป็นประจํา และเกิดขึ้นได้อยู่บ่อยครั้ง ที่ท่านควรระวังเป็นพิเศษ หากสามารถสังเกตและมีการระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นเหตุการณ์ต่างๆก็จะไม่เกิดขึ้น ลูกน้อยของท่านก็จะปลอดภัย
เตรียมรับมือ เมื่อลูกต้องไปโรงเรียน ในช่วงสถานการณ์ covid-19
หลังจากที่หลายโรงเรียนได้ทำการเปิดเรียนกันเป็นจำนวนมาก แต่สถานการณ์ covid-19 ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆวัน ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนต่างก็เป็นห่วงความปลอดภัยของลูกเมื่ออยู่ในโรงเรียน ว่าลูกของท่านจะเสี่ยงต่อการนำเชื้อ covid-19 มาหรือไม่ วันนี้เราจึงจะพาทุกท่านไป เตรียมรับมือ การป้องกันดูแลลูกน้อยของท่านเมื่อต้องไปโรงเรียน ในขณะที่สถานการณ์ covid-19 ยังไม่หมดไป แม่และเด็ก การเลี้ยงลูก พัฒนาการเด็ก จะมีวิธีการเตรียมรับมืออย่างไรบ้างนั้นไปดูกันได้เลย เตรียมรับมือ วิธีการช่วยให้ลูกน้อยห่างไกล covid-19 เมื่อต้องไปโรงเรียน สถานการณ์ covid-19 ในทุกวันนี้ถึงแม้ว่าจะทุเลาลงแล้วแต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้ออยู่ทุกๆวัน ทำให้ผู้ปกครองหลายคนเมื่อถึงช่วงเปิดภาคเรียนต้องเป็นห่วงลูกที่ต้องไปโรงเรียน จึงทำให้หลายคนต่างก็มองหาวิธีการป้องกัน วิธีการดูแลลูกของตนเองว่าจะทำอย่างไรจึงจะให้พวกเขาปราศจากเชื้อ covid-19 นั่นเอง วันนี้เราจึงจะพาทุกท่านไปเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อลูกต้องไปโรงเรียนในช่วงสถานการณ์ covid-19 จะเป็นอย่างไรนั้นไปดูกันเลย พูดอธิบายความเสี่ยงของการเกิดโรค covid-19 ให้กับเขาฟัง การอธิบายถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับตนเองให้กับเขาฟังเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเด็กทุกคน เพราะจะทำให้เขานึกและพึงระวังในการดูแลตนเองให้มากขึ้น เพราะอยู่โรงเรียนเราจะไม่สามารถเข้าไปดูแลลูกของเราได้ ฉะนั้นการบอกให้เขารู้ถึงสิ่งอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุด 2.เตรียมอุปกรณ์ในการป้องกันให้เขาติดตัวไปโรงเรียน อุปกรณ์ในการป้องกันตนเองจากเชื้อ covid-19 ที่ผู้ปกครองต้องเตรียมให้เด็กๆไปนั่นก็คือ เจลแอลกอฮอล์แบบพกพา หน้ากากอนามัยสำหรับเด็ก เป็นต้น สิ่งเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการดูแลตนเองจากเชื้อ covid-19 3.ปลูกฝังจิตสำนึกในการดูแลตนเองให้กับเขาห การปลูกฝังนิสัยรักความสะอาดให้กับเด็กจะทำให้เขาปลอดภัยอย่างที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการบันล้างมือบ่อย การสวมแม่ตลอดเวลา การไม่อยู่ไปในที่คนหมู่มาก การเว้นระยะห่าง […]
ให้ลูกมีความมั่นใจ สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด
ช่วงที่ลูกยังอยู่ในวัยเรียนรู้ทุกอย่างรอบตัวอย่างรวดเร็ว คนเป็นพ่อแม่จะต้องพิถีพิถันในการสั่งสอนอย่างมาก หากอยาก ให้ลูกมีความมั่นใจ ก็ต้องสร้างสถานการณ์ที่สนับสนุนพวกเขา และหลีกเลี่ยงการบั่นทอนจิตใจในทุกกรณี อย่าแค่ว่าสอนวันนี้ให้ผ่านๆ ไป เมื่อเด็กโตขึ้นก็จะคิดได้เอง แม่และเด็ก การเลี้ยงลูก พัฒนาการเด็ก คำถามคือมีเด็กแบบนั้นหรือไม่ ก็พอมีอยู่บ้างแต่มันน้อยเหลือเกิน สู้เด็กที่มีพ่อแม่เข้าใจและเลี้ยงดูอย่างถูกต้องไม่ได้ อยาก ให้ลูกมีความมั่นใจ อย่าเอาแต่เปรียบเทียบ ธรรมชาติของครอบครัวคนไทยดั้งเดิมมักจะเป็นครอบครัวใหญ่ เราจึงมีพี่น้องและลูกหลานมากมาย ถ้าเป้าหมายคือการสอนให้ลูกมีความมั่นใจ สิ่งที่ต้องระวังเป็นอันดับแรกจึงเป็นการเปรียบเทียบ หลายคนอาจคิดว่าเทียบให้ลูกเห็นชัดไปเลยว่าอะไรที่ดีกว่า แต่เด็กทุกคนไม่ได้มองมุมเดียวกัน เขาจะรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่รักตัวเองเท่าหลานคนอื่น พร้อมกับด้อยค่าตัวเองอยู่ตลอดเวลา และปมในใจแบบนี้แก้ได้ยากมาก อยากให้ลูกมีความมั่นใจจงชื่นชมทักษะของเขา เด็กๆ ทุกคนจะเกิดมาพร้อมทักษะบางอย่าง เราจึงสามารถส่งเสริมให้ลูกมีความมั่นใจด้วยการชื่นชมสิ่งเหล่านี้ได้ เช่น การชื่นชมว่าลูกเขียนด้วยมือซ้ายได้ ซึ่งแตกต่างจากเด็กส่วนใหญ่ ชื่นชมฝีมือการวาดภาพและจินตนาการที่ไม่เหมือนใคร ชื่นชมในความช่างสังเกตกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ตรงนี้ต้องระวังว่าจะชื่นชมเกินจริงหรือชมไปหมดโดยไม่มีสาระเอาไว้ด้วย อยากให้ลูกมีความมั่นใจจงส่งเสริมให้ทำกิจกรรม เด็กที่ได้ฝึกใช้ทักษะทางร่างกายจะมีความมั่นใจมากกว่า ดังนั้นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้ ก็คือการทำให้ลูกมีความมั่นใจด้วยกิจกรรมกลางแจ้ง ลองหากีฬาหรืองานอดิเรกที่ทำร่วมกันทั้งครอบครัว แล้วเฝ้าสังเกตด้วยว่าลูกชอบอะไรเป็นพิเศษ อย่าฝืนให้เขาทำสิ่งที่ไม่ชอบหรือทำหนักเกินไป เมื่อพบแล้วว่าอะไรที่ดึงความสนใจของลูกได้ดี ก็ให้สนับสนุนด้านนั้นอย่างเต็มที่
โรคที่อาจจะเกิดขึ้น กับเด็กที่คนเป็นแม่ควรระวังให้ดี
ปัจจุบันร่างกายของเราตกอยู่บนความเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ โดยเฉพาะเด็กเล็กผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำมักจะเกิดโรคได้ง่าย ทำให้พ่อแม่ หรือผู้ปกครองหลายคนต่างก็เป็นกังวลใจกับ โรคที่อาจจะเกิดขึ้น ต่อร่างกายลูกน้อยของท่าน ซึ่งวันนี้เราจะพาพ่อแม่และผู้ปกครองทุกท่านไปดูว่ามีโรคใดบ้างนั้น ที่มักเกิดขึ้นกับลูกน้อยของคุณ เพื่อเป็นแนวทางให้พ่อแม่ได้พึ่งระวังและสังเกตอาการของลูกน้อยให้ดี แม่และเด็ก การเลี้ยงลูก พัฒนาการเด็ก จะมีโรคอะไรบ้างนั้นไปดูกันได้เลย โรคที่อาจจะเกิดขึ้น ที่หนูน้อยมักพบเจอ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรเฝ้าระวังอาการให้ดี ปัจจุบันความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคต่างๆมีเพิ่มมากขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งหากท่านมีลูกน้อยท่านต้องคอยสังเกตอาการลูกน้อยของคุณอยู่เสมอ เพราะโรคต่างๆในช่วงแรกๆอาจจะมีความรุนแรงไม่มาก แต่หากนำส่งโรงพยาบาลหรือมีการรักษาที่ไม่ทันท่วงทีอาจจะทำให้เกิดความรุนแรงทวีคูณเพิ่มขึ้น วันนี้เราจึงจะพาทุกท่านไปรู้จักกับโรคและอาการที่มักจะเกิดขึ้นกับลูกน้องของท่านจะมีโรคอะไรบ้างนั้นไปดูกันได้เลย ไข้หวัด ไข้หวัดเป็นโรคยอดฮิตที่หลายคนรู้จัก และมักจะเกิดขึ้นกับลูกน้อยของคุณเป็นประจำ ซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์ด้วยกันโดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากเชื้อไวรัสที่เข้าสู่ร่างกาย ทำให้มีอาการ ไข้ ตัวร้อน มีน้ำมูก ไอจาม เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าหากลูกน้อยของท่านมีอาการดังกล่าวควรพาไปพบแพทย์เพื่อเพื่อรีบทำการรักษาให้ทันท่วงที โรคมือเท้าปาก โรคนี้มักจะเกิดขึ้นในเด็ก เป็นการติดเชื้อไวรัส โดยจะมีการติดต่อกันทางการสัมผัสน้ำมูกน้ำลาย สิ่งคัดหลั่งต่างๆของผู้ป่วย การอยู่ร่วมกันใกล้ชิดกัน ใช้สิ่งของร่วมกัน ส่วนใหญ่แล้วจะมีอาการไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก มีตุ่มขึ้นบริเวณปากลำคอ ขึ้นตามนิ้วมือนิ้วเท้า บางรายมีอาการถ่ายเหลว ซึ่งผู้ปกครองหรือพ่อแม่สามารถสังเกตอาการของลูกน้อยอย่างใกล้ชิดหากมีอาการเช่นนี้ โรคไข้เลือดออก โรคนี้เกิดจากยุงเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสเข้ามาสู่ร่างกาย หาพ่อแม่ท่านใดดูแลลูกโดยไม่กางมุ้งปล่อยให้ยุงกัดอาจจะทำให้เกิดโรคไข้เลือดออกขึ้นกับลูกของท่านได้ ซึ่งมีอาการไข้สูง ตัวร้อน ง่วงซึม เหนื่อยอ่อนเพลีย […]
เทคนิคในการสต็อกนมแม่ ไว้ให้นาน ไม่บูดเน่า ไร้กลิ่นเหม็น
การดูแลลูกน้อยสำหรับคุณแม่หลังคลอดก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการให้ลูกน้อยดื่มนมแม่ จะทำให้เด็กมีภูมิคุ้มกันที่สูง ได้สารอาหารที่ครบ แต่สำหรับคุณแม่ที่ต้องไปทำงานและปล่อยลูกน้อยไว้กับคนที่บ้าน อยากที่จะให้ลูกน้อยดื่มนมแม่ วิธีการสต๊อกนมแม่ไว้ในตู้เย็นให้นานๆ เป็นวิธีที่หลายคนนิยมใช้กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกท่านไปดู เทคนิคในการสต็อกนมแม่ ไว้ให้ได้นาน ไม่บูด ไม่เน่า และปลอดภัยสำหรับลูกน้อยของท่าน แม่และเด็ก การเลี้ยงลูก พัฒนาการเด็ก จะมีวิธีใดบ้างนั้นไปดูกันเลย เทคนิคในการสต็อกนมแม่ ที่ถูกต้อง และปลอดภัยสำหรับลูกน้อย การให้นมแม่เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งสำหรับลูกน้อย คุณแม่ส่วนใหญ่ที่ต้องการให้ลูกดื่มนมแม่จนครบ 6 เดือน จำเป็นอย่างยิ่งต้องมีการปั๊มนมสต๊อกเก็บไว้ในช่องเย็น ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับวิธีจัดการเก็บนมแม่ให้ได้เวลานาน จะมีวิธีใดบ้างนั้นไปดูกันเลย วิธีสต๊อกนมแม่ให้ลูกกินให้หมดภายใน 4 วัน คุณแม่ส่วนใหญ่จะให้นมกับลูกน้อยวันต่อวัน แต่ในกรณีที่ต้องไปทำงาน หรือมีน้ำนมในปริมาณที่มากจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการสต๊อกนมเก็บไว้ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีการเก็บนมแม่ให้ลูกได้กินให้หมดจำนวน 4 วัน วิธีการนี้สามารถเก็บนมแม่ไว้ในช่องเย็นธรรมดาได้ 4 วัน ซึ่งเป็นวิธีการให้นมแม่ที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยในช่วงเวลานี้ 2.วิธีนำนมแม่ออกจากช่องแข็ง มาเก็บไว้ตู้เย็นช่องธรรมดา 12 ชั่วโมง คุณแม่หลายคนนิยมสต๊อกนมแม่ไว้ในช่องแช่แข็ง ก่อนที่จะถึงเวลาให้นมบุตรควรมีการเอานมที่ช่องแช่แข็งมาเก็บไว้ในช่องธรรมดาเป็นเวลา 12 ชั่วโมง เพื่อให้นมละลายตัว สามารถเทใส่ขวดนมดื่มได้ แต่สำหรับคุณแม่ท่านใดไม่ชอบที่จะให้ลูกน้อยดื่มนมเย็น สามารถนำเอานมที่แช่แข็งแล้วมาแช่ในน้ำอุ่นเป็นเวลา 20 นาทีก็ได้ […]
เด็กก้าวร้าว เกิดจากอะไรที่พ่อแม่ควรรู้
พ่อแม่หลายคนเอาแต่บ่นลูกของตัวเองว่าเป็น เด็กก้าวร้าว เป็นเด็กนิสัยไม่ดีที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา โดยที่ไม่เคยหันมองตัวเองเลยว่าได้กระทำอะไรลงไปบ้าง สิ่งที่คิดว่าเล็กน้อย ใครๆ เขาก็ทำกันแบบนี้ ล้วนทำร้ายเด็กมานับไม่ถ้วนแล้ว เพื่อไม่ให้พ่อแม่มือใหม่ทำพลาดเพิ่มเติมอีก แม่และเด็ก การเลี้ยงลูก พัฒนาการเด็ก วันนี้เราจึงนำสิ่งต้องห้ามที่จะส่งผลกระทบต่อนิสัยของลูกมาฝากกัน นอกจากเฝ้าจับผิดลูกแล้วก็ควรเฝ้าสังเกตตัวเองด้วยเช่นกัน เด็กก้าวร้าว เพราะพ่อแม่แสดงให้เห็นเป็นประจำ เคยได้ยินบ้างไหมว่า ไม่ว่าตอนวัยรุ่นเราจะเป็นคนแบบไหน เป็นเด็กก้าวร้าว เป็นเด็กเรียบร้อย หรือเป็นเด็กอัธยาศัยดี ครั้นมีลูกแล้วจะต้องปรับเปลี่ยนตัวเองครั้งใหญ่ โดยคิดถึงผลกระทบที่อาจมีต่อลูกเป็นหลัก พฤติกรรมที่เอาแต่โวยวาย ทะเลาะโต้เถียงกัน ทำลายข้าวของ จนกระทั่งทำร้ายร่างกายกัน ล้วนเป็นภาพจำที่เด็กจะทำตามอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาเรียนรู้ผ่านการมองเห็นมากกว่าการฟังคำสอน เด็กก้าวร้าวเพราะถูกพ่อแม่กดดันอย่างหนัก จะเรียกว่าเป็นอีโก้อย่างหนึ่งของคนเป็นพ่อแม่ก็ไม่ผิดนัก เพราะบ้านเรามักมีคำยอดฮิตประมาณว่าลูกเป็นอย่างไรก็ต้องดูพ่อแม่ จึงเกิดปัญหาเด็กก้าวร้าวเพราะพ่อแม่กดดันเยอะมาก ต้องการให้ลูกเป็นลูกตัวอย่างให้กับคนอื่น ต้องการให้ลูกเรียนดีกิจกรรมเด่น อยู่ในโอวาสและทำทุกอย่างประหนึ่งว่าลูกไม่มีสิทธิ์ใช้ชีวิตของตัวเอง แรกๆ มันอาจไม่มีปัญหาอะไร แต่พอถึงจุดหนึ่งทุกอย่างจะระเบิดออกมาในรูปของความก้าวร้าวรุนแรง เด็กก้าวร้าวเพราะพ่อแม่ทำให้ลูกไม่เคารพรัก พ่อแม่ส่วนใหญ่คิดว่าแค่สถานะอย่างเดียวก็เพียงพอที่ลูกจะเคารพรัก ด้วยว่าพ่อแม่นั้นมีบุญคุณล้นพ้น แต่ท้ายที่สุดกลับไม่รู้ว่าทำไมลูกถึงกลายเป็นเด็กก้าวร้าวไปได้ ปัญหาก็คือพ่อแม่ไม่สามารถสร้างความเคารพรักที่เกิดจากใจเด็กอย่างแท้จริงได้ เอาแต่ใช้อำนาจข่มไปอย่างนั้น ในใจลึกๆ ของลูกจึงลดทอนความรักและความเคารพไปทีละน้อย จนวันหนึ่งก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไรอีกต่อไป
เลือกผ้าอ้อมสำเร็จรูป ให้เหมาะกับลูกน้อยของคุณ
การใส่ใจดูแลลูกน้อยเป็นสิ่งที่พ่อแม่หลายคนต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เริ่มตั้งแต่การเลือกอาหาร การดูแลสุขอนามัยของลูกน้อย และรวมไปถึงเรื่องอื่นๆอีกมากมายที่ต้องคำนึงให้มาก การ เลือกผ้าอ้อมสำเร็จรูป ที่จะมาสวมใส่ให้ลูกน้อยก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีความสำคัญ หากเลือกได้ไม่ดี ดูเลือกได้ไม่เหมาะสมกับลูกน้อยของคุณ อาจจะทำให้เกิดการระคายเคือง ทำให้ลูกน้อยไม่สบายตัวได้ แม่และเด็ก การเลี้ยงลูก พัฒนาการเด็ก วันนี้เราจึงจะพาท่านไปดูเทคนิคในการเลือกผ้าอ้อมสำเร็จรูป ที่เหมาะกับลูกน้อยของคุณ จะมีวิธีการเลือกอย่างไรบ้างนั้นไปดูกันได้เลยกับบทความดังต่อไปนี้ ใส่ใจลูกน้อยให้มาก ด้วยการ เลือกผ้าอ้อมสำเร็จรูป ที่ดีที่สุดให้เขา ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เป็นสิ่งของที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับลูกน้อย ทุกๆวันเขาจะไปผ้าอ้อมสำเร็จรูปเพื่อป้องกันฉี่ อุจจาระ ไม่ให้เปื้อนที่นอน ซึ่งลูกน้อยก็ต้องสวมใส่อยู่ตลอดเวลา วันนี้เราจึงมีวิธีการเลือกผ้าอ้อมสำเร็จรูป ให้สวมใส่แล้วดูสบาย ไม่เกิดการระคายเคืองต่อผิว จะมีวิธีการเลือกอย่างไรนั้นไปดูกันเลย เลือกชนิดของผ้าอ้อมที่ซึมซับได้ดี การเลือกผ้าอ้อมสำเร็จรูปนั้น สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงก็คือ ชนิดของการใช้งานของผ้าอ้อมว่าสามารถซึมซับได้ดีหรือไม่ หากเลือกผ้าอ้อมที่ซึมซับได้ไม่ดี การนอนหลับของลูกน้อยของคุณจะไม่สบายตัว จะทำให้ลูกน้อยตื่นได้ง่าย และเกิดการอับชื้นบริเวณที่สวมใส่ เกิดเป็นผดผื่นขึ้นมาในที่สุด 2.เลือกชนิดของผ้าอ้อมที่อ่อนโยนต่อผิวเด็ก ผิวเด็กเล็กเป็นผิวที่มีความอ่อนโยนอย่างมาก การเลือกผ้าอ้อมสำเร็จรูปจำเป็นอย่างยิ่งที่ตั้งเลือกชนิดของผ้าที่ดีต่อผิว ไม่ให้เกิดการระคายเคือง หากเลือกได้ไม่ดีอาจจะทำให้เกิดผื่นขึ้นมาได้นั่นเอง 3..เลือกผ้าอ้อมที่สามารถสวมใส่ได้ง่าย ยืดหยุ่นได้ดี การเลือกผ้าอ้อมสำเร็จรูปให้ดีนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะเลือกชนิดของผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่สวมใส่ได้ง่าย ใช้งานได้สะดวกสบาย สามารถยืดหยุ่นได้ดี เลือกขนาดและไซส์ให้เหมาะกับอายุของลูกน้อยท่าน ถาดใส่แว่นจนเกินไปจะทำให้เกิดบาดแผล ทำให้เกิดความอึดอัด หากใส่หลวมจนเกินไปอาจจะทำให้หลุดร่วง […]
กระตุ้นน้ำนม ของคุณแม่เพื่อเสริมสร้างให้ลูกน้อยแข็งแรง
ว่าด้วยเรื่องของน้ำนม น้ำนมแม่เป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่ลูกจะได้รับเป็นอย่างแรก การที่เราดูแลสุขภาพของคุณแม่ให้ดีเพื่อที่จะสอบผ่านสารอาหารดีๆไปให้ลูกถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆการที่เราเลือกทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทานผักผลไม้แล้วก็อาหารที่มันจะสามารถช่วย กระตุ้นน้ำนม ของแม่เป็นสิ่งที่คุณแม่ทุกคนนั้นควรที่จะทำมากๆ เอาเป็นว่าวันนี้เรามาแนะนำดีกว่าว่า แม่และเด็ก การเลี้ยงลูก พัฒนาการเด็ก คุณแม่ควรทานผลไม้ชนิดไหนบ้างเพิ่มน้ำนมและเพื่อที่จะช่วยให้ส่งผลไปถึงลูกให้มีสุขภาพที่แข็งแรง เริ่ม แนะนำผลไม้ที่คุณแม่ควรทานเป็นการช่วย กระตุ้นน้ำนม ผลไม้ที่ควรทานเป็นการกระตุ้นน้ำนมในชนิดแรกที่เราจะมาแนะนำก็เจอ กล้วย เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่สามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายของแม่ได้ดีมากๆแถมยังสามารถช่วยในเรื่องของน้ำนม หาวิธีที่จะส่งผ่านจากแม่ไปถึงลูกได้ หากว่า ก็อยากให้เลือกเป็นกล้วยน้ำว้าเพราะว่าเป็นผลไม้ที่มีสารอาหาร ที่เราทราบกันดีก็คือโพแทสเซียม สิ่งที่จะสามารถช่วยเพิ่มน้ำนม และที่สำคัญการรับประทานกล้วยก็ยังสามารถเพิ่มในการที่เราจะช่วยควบคุมน้ำหนักของแม่ได้ ผลไม้ที่จะสามารถช่วยในเรื่องของการกระตุ้นน้ำนมของคุณแม่ มะละกอ เป็นผลไม้ที่เราต้องบอกเลยว่ามีสารอาหารที่สูงมากๆแล้วก็ประกอบไปด้วยวิตามินมากมายหลากหลายให้เราสามารถที่จะนำมาช่วยทางการฟื้นฟูร่างกายของเราแล้วก็ช่วยเพิ่มน้ำนมสำหรับแม่หลังคลอด สามารถช่วยบำรุงทั้งกระดูกและฟัน รวมไปถึงการบำรุงสายตาอีกด้วย ใครที่มีความชื่นชอบบอกว่าชอบทานมะละกออยู่แล้วก็ถือว่าดีมากๆ ผลไม้ที่สามารถช่วยกระตุ้นน้ำนม พุทรา พุทราเป็นผลไม้ที่สามารถกระตุ้นน้ำนมแม่ได้ดีมีวิตามินมากมายหลากหลายเป็นประโยชน์ทั้งตอนที่ตั้งครรภ์อยู่แล้วก็ตอนที่หลังคลอด ช่วยบำรุงร่างกายสำหรับคุณแม่ได้ ใครที่อยากที่จะลองถามลูกค้าดูก็สามารถลองเลือกซื้อไปได้เพราะว่ามันอุดมด้วยสารอาหารมากมายจริงๆและยังหาซื้อได้ง่ายด้วย